posttoday

‘คนละครึ่ง’ ดันดัชนีเชื่อมั่นฯโตสุดรอบ 9 เดือนสวนทางม๊อบ

03 ธันวาคม 2563

ดัชนีเชื่อมั่นเดือนพ.ย.ดีขึ้นทุกรายการจากมาตรการ “คนละครึ่ง” เพิ่มกำลังซื้อคนไทย แม้จะกังวลความวุ่นวายทางการเมือง ลุ้นไตรมาส4 ออกมาตรการเพิ่มพลิกฟื้นเศรษฐกิจ

นายธนวรรธน์  พลวิชัย  อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยภึง ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพ.ย2563 ว่า  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และปรับตัวอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง” และราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และปศุสัตว์  ทั้งนี้ส่งผลให้กำลังซื้อในหลายจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองไทยหลังจากมีการชุมนุมทางการเมืองหลายครั้งในเดือนต.ค. แต่ในส่วนของดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองปรับตัวต่ำสุดในรอบ 171 เดือนหรือ 14 ปี 3 เดือน และผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและการว่างงานในอนาคตที่เกิดจากผลกระทบเชิงลบจากโควิด-19 

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 45.6 50.0 และ 61.6 ตามลำดับ โดยปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนตุลาคม 2563 ที่อยู่ในระดับ 43.9 49.0 และ 59.9 ตามลำดับ  

การปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นฯทุกรายการในเดือนนี้ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับดีขึ้นอีกครั้ง โดยปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 50.9 เป็น 52.4   แต่ยังถือว่าค่าดัชนียังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงย่ำแย่จากปัญหาการเมืองในประเทศและวิกฤตโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

“ดัชนีความเชื่อมั่นฯดีขึ้น แม้ว่าผู้บริโภคจะความกังกลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองของไทยค่อนข้างมาก เนื่องจากได้รับผลทางจิตวิทยาในเชิงบวจากการออกมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่องหลายมาตรการโดยเฉพาะโครงการ“คนละครึ่ง” รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มมากขึ้น” นายธนวรรธน์  กล่าว 

อย่างไรก็ตาม ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจคาดว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการใช้จ่ายอย่างมากไปอย่างน้อยจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 จนกว่าสถานการณ์โควิด-19 ของโลกจะคลายตัวลง ซึ่งต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของที่เป็นรูปธรรมชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 4ว่าสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยเพียงใดและสถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร ซึ่งปัจจัยทั้งสองจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเป็นอย่างมาก