ซีอีโอ "อโกด้า" ถอดพฤติกรรม "คนไทย" ยอมเปย์หนักเที่ยวในประเทศ

ลุ้น "นทท.ต่างชาติ" กลับไทยไตรมาส2 ปีหน้า

จอห์น บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อโกด้า (Agoda) ผู้ให้บริการดิจิทัลแพล็ตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดเติบโตอัตราใกล้เคียงตัวเลขเป็น ศูนย์ (0) หรือคงที่ แม้ว่าภาครัฐจะมีนโยบาย นักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Specia Touristl Visa ) ออก มากระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ (Inbound) จากนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ตาม โดยคาดว่าการท่องเที่ยว อินบาวด์ จะเริ่มฟื้นตัว ราวไตรมาส 2 ปี2564 หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลายไปใน ทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม "อโกด้า" พร้อมดำเนินธุรกิจร่วมกับภาครัฐภายใต้มาตรการ/นโยบายการท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา ทั้งแคมเปญเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโปรแกรมสนับสนุนพาร์ทเนอร์ของอโกด้า โดยมี กลุ่มพันธมิตรโรงแรมสัดส่วนกว่า 80 % เป็นเอสเอ็มอี ที่ให้บริการผ่านแพล็ตฟอร์มอโกด้า เพื่อร่วม กระตุ้นเศรษฐกิจหลังผ่อนคลายล็อคดาวน์ ประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา

"ในระยาวมองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มทยอยเดินทางกลับมาไทยมากขึ้น หลังจากโลกมีวัคซีน ป้องกันโควิด-19 ออกมาใช้แล้ว ขณะเดียวกันก็จะมีพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่องเที่ยว ที่พัก ที่ สนใจด้านความปลอดภัย สุขอนามัย (Safe to Travel) มากขึ้น" บราวน์ กล่าว

3 พฤติกรรมหลัก ลูกค้าจองเที่ยวในประเทศ

สำหรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการแพล็ตฟอร์มอโกด้า หลังจากโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย จะให้ ความใส่ใจใน 3 ด้าน คือ ความปลอดภัย สุขอนามัย เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ด้านความ ยืดหยุ่น การจองและยกเลิก และสุดท้าย ด้านราคา

บราวน์ มองว่าเทรนด์ผู้ใช้บริการ พฤติกรรมลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงระยะสั้น ในกลุ่ม ที่ยังมีกำลังซื้อสูง ที่ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ในช่วงนี้ จะเลือกนำงบ ประมาณจำนวนดังกล่าว มาใช้กับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยในระดับราคาที่สูงขึ้น เพื่อชดเชย อาทิ จากเดิมเคยใช้บริการโรงแรม ที่พัก เฉลี่ยระดับ 3 ดาว จะปรับเพิ่มเป็น 4 ดาว เป็นต้น

10 อันดับยอดฮิต คนไทยจะไปเที่ยวปลายปีนี้

ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลของอโกดา พบว่า จุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศของคนไทยในช่วงวันที่ 1 มิถุนายน-31 ธันวาคม 2563 คือ 1.กรุงเทพมหานคร 2.พัทยา 3.เชียงใหม่ 4.หัวหิน/ชะอำ 5.ภูเก็ต 6.เขาใหญ่ 7.ชลบุรี 8.กาญจนบุรี 9.กระบี่ และ 10.ระยอง

ส่วนจุดหมายปลายทางในประเทศที่คนไทยค้นหามากที่สุด ช่วงวันที่ 1 มิถุนายน-31ธันวาคม 2563 คือ 1.หัวหิน/ชะอำ 2.พัทยา 3. กรุงเทพฯ 4.เขาใหญ่ 5.เชียงใหม่ 6.ภูเก็ต 7.กาญจนบุรี 8.ระยอง 9.เกาะกูด และ 10. ชลบุรี

โควิด ดิสรัปชันใหญ่สุด อุตฯ ท่องเที่ยวโลก

บราวน์ กล่าวว่าวิกฤตโควิด ถือเป็นดิสรัปชั่นครั้งใหญ่ที่สุดที่อุตสาหกรรม (และอโกด้า) เท่าที่เคยเผชิญ มา ผลกระทบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้นมหาศาล และจะยืดเยื้อมากกว่าที่เราคาดการณ์กันไว้ แต่แม้ในช่วง เวลาแบบนี้ก็ยังมีโอกาส

"เราต้องมีความกระฉับกระเฉงและว่องไว เทคโนโลยีระดับโลกที่ทันสมัยของอโกด้า ทำให้สามารถตอบ รับโอกาสในการร่วมมือกับรัฐบาลต่าง ๆ และทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์มากขึ้นได้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เมื่อผู้คนต้องการเดินทาง พวกเขาจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย และสบายใจ จากความยืดหยุ่นใน การเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางท่องเที่ยวตามที่ต้องการ ทั้งรัฐบาล อโกด้า พาร์ทเนอร์ และลูกค้า ต้อง จับมือพากันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้" บราวน์ กล่าวทิ้งท้าย

สร้างแบบจำลองการทำงาน ในสถานการณ์เลวร้ายสุด

บราวน์ กล่าวถึงแนวทางการปรับตัวองค์กรภายใต้วิกฤตท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น ในครั้งนี้ อโกด้า ยังได้จำลองการทำธุรกิจภายใต้สถานการณ์เลวร้ายสุด ที่อาจจะเกิดขึ้นในอุตฯ ท่องเที่ยวในอาคต เพื่อให้ อโกด้า ยังสามารถไปได้ต่อในปีหน้าจากสถานะทางการเงินที่ยังแข็งแกร่ง ด้วยอยู่ภายใต้ Booking Holdings จากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อโกด้า ได้ลดต้นทุนงานด้านการตลาดบางส่วน พร้อมปรับลดสัดส่วนพนักงานในระดับฝ่ายบริหารอาวุโส และจำนวนพนักงาน

ทั้งนี้ อโกด้า มีพนักงานทั่วโลกราว 4,000 จากก่อนหน้ามีอยู่กว่า 5,500 คน และสำนักงานใน 30 ประเทศ/เขตปกครองตนเอง ส่วนพนักงานในไทยมีอยู่ 2,200 คน    

"นอกจากนี้ อโกด้า ยังปรับให้การทำงานขององค์กรมีความยืดหยุ่น และ มีความเอจายล์ (Agile) เพื่อ เพิ่มความคล่องตัวของพนักงาน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็น บิ๊กเลิร์นนิงที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ว่าโควิดจะจบลงเมื่อไหร่ แต่เราสามารถคาดการณ์อนาคตของเราเองได้" บราวน์ เสริม

ปัจจุบัน อโกด้า มีที่พักรวม 53,000 แห่ง ทั่วไทย โดย 5 จังหวัดที่มีโรงแรมอยู่บนแพล็ตฟอร์มมากที่สุดตามลำดับ คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน/ชะอำ