ปลดล็อคกองทุนไฟฟ้า เร่งอัดฉีด 2.8 พันล้าน หนุนเศรษฐกิจฐานรากหลังโควิด
กกพ.ปรับเกณฑ์เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า หั่นขั้นตอนการจ่าย ขานรับนโยบายรัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เน้นกระจายอำนาจ สร้างความคล่องตัว ควบคู่การเพิ่มความโปร่งใสและธรรมาภิบาล
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.)ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2563 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)อนุมัติเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ หรือเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา 97(3) เป็นจำนวนกว่า 2,800 ล้านบาท
ทั้งนี้วางเป้าหมาย นการหนุนเสริมมาตรการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และลดผลกระทบทางสังคมจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า(โควิด-19)
นอกจากนี้ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติในการกำกับดูแล และบริหารกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา97(3) ในหลายประเด็นเพื่อสร้างความคล่องตัว ยกระดับประสิทธิภาพการใช้เงิน กระจายอำนาจสร้างความโปร่งใส และลดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาลงเพื่อให้เม็ดเงินได้ถูกอัดฉีดผ่านชุมชนอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยซึ่งจะมีส่วนช่วยรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากได้อีกทางหนึ่ง
นายคมกฤช กล่าวว่า การทบทวนหลักเกณฑ์การบริหารจัดการเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา 97(3) กำหนดเป้าหมาย ดังนี้ 1. การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงิน มีธรรมาภิบาลโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเปลี่ยนหน่วยดำเนินการที่เป็นกลุ่มบุคคล 3 คน ให้อยู่ในรูปแบบของนิติบุคคลที่มีการรวมกันของคนเช่น วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม สหกรณ์ และมูลนิธิ โดยวางเป้าหมายจะยกเลิกการดำเนินโครงการโดยกลุ่มบุคคล3 คนให้หมดไปในปีงบประมาณ 2565
2.การสร้างและการกระจายการใช้เงินกองทุน ใน 6 ด้าน ได้แก่ ด้านสาธารณสุขด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจชุมชน ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณูปโภคและด้านพลังงานชุมชน แต่ก็ยังมีแผนงานด้านที่ 7 ด้านอื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชน ไว้รองรับโครงการชุมชนที่ไม่เข้าเกณฑ์ตามแผนงานหลัก
3.การกระจายอำนาจและเพิ่มอำนาจการพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกโครงการชุมชน ซึ่งดำเนินการควบคู่กับการตรวจสอบความซ้ำซ้อนและการพัฒนาในภาพรวมของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหน่วยราชการที่ได้รับมอบหมายในพื้นที่ ที่จะทำให้การพิจารณาโครงการมีความคล่องตัวรวดเร็วมากขึ้น และไม่ต้องกลับมาสู่ชั้นของการพิจารณาจาก กกพ. ในส่วนกลางอีก