posttoday

คนไทยติดล็อคดาวน์ เศรษฐกิจชะงัก ฉุดการใช้น้ำมัน 5 เดือนวูบ13.4%

30 มิถุนายน 2563

กรมธุรกิจพลังงานระบุ สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมการใช้น้ำมันของไทยลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำมันเจ็ทหายไป 43.3% จากการหยุดบินชั่วคราวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ผู้ใช้เอ็นจีวี หันเติมแก๊สโซฮอล์แทนหลังราคาเริ่มขยับ

น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 5 เดือน ของปี 2563 (ม.ค.-พ.ค.) ปรับตัวลดลง 13.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเบนซิน ลดลง 8.5 % กลุ่มดีเซล ลดลง 5% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง 43.3% น้ำมันเตา ลดลง 21.7% น้ำมันก๊าด ลดลง 16.6% ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ลดลง 16.2% และ เอ็นจีวี ลดลง 27.5% โดยมีสาเหตุมาจากการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.63 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้ ห่วงโซ่การดำเนินธุรกิจยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิง และเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงหยุดชะงัก

สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 29.23 ล้านลิตร/วัน ลดลง 8.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มแก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้ลดลง 8.1% เฉลี่ยอยู่ที่ 28.45 ล้านลิตร/วัน ส่วนน้ำมันเบนซินมีการใช้ลดลง 21.2% เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 0.78 ล้านลิตร/วัน

เมื่อแยกการใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี85 มีปริมาณการใช้ลดลงมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 0.92 ล้านลิตร/วัน หรือ อัตราลดลง28.6% รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.00 ล้านลิตร/วัน ลดลง 16.8% แก๊สโซฮอล์อี 20 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 5.94 ล้านลิตร/วัน ลดลง 7.3% และแก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 13.59 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.4% ซึ่งจากมาตรการของภาครัฐที่มีการเว้นระยะห่าง ทางสังคม การทำงานที่บ้าน และการลดการเดินทางข้ามจังหวัด ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65.93 ล้านลิตร/วัน ลดลง 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา บี7 มีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 47.64 ล้านลิตร/วัน ลดลง 27.1% น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 10.21 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค. 2562) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 5.36 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่เดือนก.ค. 2561)

อย่างไรก็ตาม นโยบายภาครัฐที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน และกำหนดให้ทุกสถานีบริการต้องมีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2563 เป็นต้นไป ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายดังกล่าวยังไม่ปรับตัวลดลงมากนัก

น.ส.นันธิกา กล่าวว่า การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์(Jet A1)เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 11.40 ล้านลิตร/วัน ลดลง 43.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของ ปีก่อน เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.63 และการหยุดให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศยังคง ส่งผลให้ ความต้องการใช้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านการใช้แอลพีจี เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15.10 ล้านกก./วัน ลดลง 16.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการใช้ ภาคขนส่งลดลงมากที่สุด มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.02 ล้านกก./วัน ลดลง 31% รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 6.03 ล้านกก./วัน ลดลง 19.7% ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้ลดลงอยู่ที่ 1.66 ล้านกก./วัน ลดลง 8.5% และภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 5.39 ล้านกก./วัน ลดลง 6.7%

การใช้ เอ็นจีวี เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.10 ล้านกก./วัน ลดลง 27.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ จึงทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการรถโดยสารหันไปใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 ทดแทน อีกทั้งยังมีนโยบายการปรับราคาขายปลีกเอ็นจีวี สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปเพื่อสะท้อนต้นทุน จึงทำให้ราคา เอ็นจีวี ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์หรือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วแทน

สำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลง 12.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 906,572 บาร์เรล/วัน โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 878,802 บาร์เรล/วัน ลดลง 8.6% คิดเป็นมูลค่า 42,032 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากในเดือน พ.ค. 63 มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ รวมถึงมาตรการ Lock down อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศลดลง จึงทำให้ต้องลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูป เป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และแอลพีจีโดยมีปริมาณนำเข้าลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 27,770 บาร์เรล/วัน ลดลง 64.8% คิดเป็นมูลค่า 1,405 ล้านบาท/เดือน

การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และแอลพีจี โดยมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น 19.5 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 205,745 บาร์เรล/วัน คิดเป็นมูลค่า 9,084 ล้านบาท/เดือน