posttoday

ปตท.สผ.อาศัยจังหวะโควิดเล็งซื้อกิจการต่างชาติ พร้อมปรับพอร์ตก๊าซฯเป็น80%

17 มิถุนายน 2563

ปตท.สผ.มองหาโอกาสทางธุรกิจ หลังพิษโควิดฉุดกิจการปิโตรเลียมต่างชาติรอเทขาย เล็งขยายลงทุน M&A ปักหมุดโซนเอเชีย-ตะวันออกกลาง เดินหน้าเพิ่มพอร์ตธุรกิจก๊าซฯรองรับดีมานต์โตระยะยาว

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษั ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.)  เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้วางเป้าหมายปรับสัดส่วนพอร์ตธุรกิจใหม่ในระยะยาว ด้วยการเพิ่มพอร์ตธุรกิจก๊าซธรรมชาติเป็น 80% จาก 70% ในปัจจุบันตามความต้องการใช้ก๊าซฯของตลาดโลกที่จะเพิ่มมากขึ้น ขณะที่พอร์ตน้ำมันจะปรับลดลงเหลือ 20% จาก 30%  โดยคาดการณ์ว่าในอนาคตน้ำมันจะมีบทบาทลดลง

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเข้าไปซื้อกิจการ(M&A) ด้านปิโตรเลียมในต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางน้ำมันมีความผันผวน จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ทำให้มีธุรกิจในต่างประเทศต้องการขายกิจการ ซึ่งปตท.สผ.เห็นว่าน่าจะเป็นลู่ทางในการขยายการลงทุน โดยพิจารณาในพื้นที่เป้าหมายของบริษัท เช่น ไทย, เมียนมา, มาเลเซีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโอมาน

สำหรับการดำเนินการของ ปตท.สผ.ในช่วงที่ราคาน้ำมันผันผวนนั้น คาดว่าจะทำให้ปีนี้มีรายได้ลดลง 7-10% จากเป้าหมายเดิม   โดยบริษัทมีต้นทุนดำเนินการต่ำ  มีต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) อยู่ที่  31.71  ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล  ขณะที่ต้นทุนที่เป็นเงินสด (cash cost) อยู่ที่ประมาณ 15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แต่ยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เชื่อว่าผลประกอบการปีนี้น่าจะพอบริหารจัดการได้

“จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ซึ่งในส่วนของ ปตท.สผ.ก็ได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจก๊าซฯเป็นหลัก และมีพอร์ตธุรกิจก๊าซฯถึง 70% ขณะที่พอร์ตธุรกิจน้ำมัน 30% ประกอบกับการซื้อขายก๊าซฯมีสัญญาระยะยาวรองรับ และการกำหนดสูตรราคาก๊าซฯก็เป็นไปตามสัญญา รวมถึงราคาก๊าซฯก็มีความยืดหยุ่น โดยมีระยะเวลาในการปรับราคา (Lag time) กับราคาน้ำมันย้อนหลัง “นายพงศธร กล่าว

นายพงศธร กล่าวว่า เดิมบริษัทตั้งใจว่าในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านของโครงการที่ได้มาคือแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณและบงกช เพื่อเตรียมพร้อมการเป็นผู้รับดำเนินการต่อ รวมถึงโครงการเมอร์ฟี่ ออยล์ และพาร์เท็กซ์ ที่ได้มาเมื่อปีที่แล้ว ก็ต้องทำให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เริ่มมองกลยุทธ์ที่ต่างไปจากที่ตั้งใจ โดยจะเน้นการเปลี่ยนผ่านโครงการที่ได้มา และการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่โครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการสำรวจโครงการมากขึ้น