posttoday

พิษโควิด-19 ฉุดดัชนีผลผลิตอุตฯ เดือนเม.ย.ร่วง ต่ำสุดรอบ8 ปี

27 พฤษภาคม 2563

สศอ.ชี้เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก โรงงานอุตสาหกรรมหยุดผลิตชั่วคราว อุตสาหกรรมรถยนต์ เหลือกำลังการผลิตแค่ 12.64 % ส่งผลให้ดัชนี MPI อยู่ที่ระดับ 79.04 ลดลง 17.21%

นายอิทธิชัย ยศศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน เม.ย. 2563 อยู่ที่ระดับ 79.04 ปรับตัวลดลง17.21% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  และต่ำสุดในรอบ 101 เดือน หรือ 8ปี กว่า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวและโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งต้องหยุดการผลิตชั่วคราว เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์โดยเดือนเม.ย.มีอัตราการใช้กำลังการผลิต 12.64% เป็นต้น ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตโดยรวมเดือนเมษายนอยู่ที่ 51.87%

ทั้งนี้อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนเม.ย. ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม และเบียร์ ที่ได้รับผลกระทบการมาตรการเพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้โรงงานต้องหยุดสายการผลิต ประชาชนต้องหยุดการระบาดด้วยการอยู่บ้าน ลดการเดินทาง และการถูกสั่งห้ามการจำหน่ายสุรา

อย่างไรก็ตามจากการแก้ไขปัญหาด้านการขนส่งสินค้าทั้งในและระหว่างประเทศให้สามารถส่งสินค้าได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นในบางอุตสาหกรรมที่สามารถตอบสนองต่อผู้บริโภคได้ เช่น อุตสาหกรรมอาหารที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.5 % กลับขึ้นมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปและอาหารสัตว์ที่ได้รับคำสั่งซื้อจากประเทศจีนและสหรัฐฯ

ในขณะที่อุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวดีในเดือนเม.ย.ได้แก่ผลิตภัณฑ์คอนกรีตและปูนซีเมนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.47% จากผลิตภัณฑ์พื้นสำเร็จรูปและคอนกรัดผสมเสร็จที่มีตามความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของรัฐบาล รวมถึงจำนวนวันทำงานที่มากกว่าปีก่อนจากการประกาศเลื่อนวันหยุดสงกรานต์

พิษโควิด-19  ฉุดดัชนีผลผลิตอุตฯ เดือนเม.ย.ร่วง  ต่ำสุดรอบ8 ปี

ด้านเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38.52 % จากผลิตภัณฑ์เกือบทุกรายการเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นและผู้ประกอบการบางรายได้สร้างอาคารเก็บยาเพิ่มเพื่อขยายความสามารถในการสต๊อคล่วงหน้า 

ส่วนอาหารทะเลกระป๋อง ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 34.72 % โดยสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลให้เกิดความต้องการอาหารที่เก็บไว้ได้นานเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ด้านอาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.18% จากผลิตภัณฑ์เกือบทุกรายการยกเว้นอาหารกุ้ง เนื่องจากจำนวนวันทำงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการอาหารสัตว์เพื่อเลี้ยงสัตว์ที่มีการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ต้องจับตาดูใน 3 ปัจจัยหลัก คือ การปลดล็อคทางเศรษฐกิจว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการเต็มที่ได้เมื่อไหร่การควบคุมโรคของประเทศคู่ค้า และรายได้และการออมที่จะกลับมาฟื้นตัวเร็วแค่ไหนโดยในเดือนพ.ค.ประเทศไทยมีการควบคุมการระบาดได้ดี ส่งผลให้รัฐบาลเริ่มมาตรการปลดล็อคกิจกรรมและกิจการบางประเภทให้สามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนเริ่มกลับมาดำเนินการ ส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมและในภาคอุตสาหกรรมอย่างไรก็ตามผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับแผนการผลิตให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคในสภาวะชีวิตวิถีใหม่(New Normal)