posttoday

น้ำมันดิบไต่ระดับขาขึ้น หลังทั่วโลกทยอยปลดล็อคปิดเมือง

06 พฤษภาคม 2563

สนพ.เกาะติดราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังความต้องการใช้น้ำมันเริ่มขยับ ทั่วโลก ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเดินหน้าลดกำลังผลิต ส่วนค่าการตลาดน้ำมันของไทย ล่าสุดเบนซิน-ดีเซล เฉลี่ย ลิตรละ2 บาท

นายวัฒนพงษ์  คุโรวาท  ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกในระหว่างวันที่ 27 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2563 โดยราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่หลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ฝรั่งเศส อิตาลี ฟินแลนด์ สเปน และประเทศต่างๆ ทั่วโลก เริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นและต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้ฟื้นตัว

นอกจากนี้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตรหรือกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ได้เริ่มเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบตามข้อตกลงที่ ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63 ตามข้อตกลงในการประชุมฉุกเฉินในช่วง 12 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 18.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และ 15.76  ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.50 ดอลลาร์สหรัฐ  และ 12.53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยมีปัจจัยมาจาก ตลาดคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันปรับเพิ่มขึ้น จากสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี ฟินแลนด์ และสเปน เริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง

ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 24 เม.ย.  ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล

ขณะที่สถาบันวิจัยอิสระ Rystad Energy คาดว่าสหรัฐฯ จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 300,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน พ.ค.- มิ.ย. 2563 โดยคณะกรรมการกำกับกิจการด้านพลังงานของรัฐเท็กซัส จะมีการประชุมเพื่อลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในวันที่ 5 พ.ค. 2563 นี้

สำหรับราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเชีย  ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 20.16 ดอลลาร์สหรัฐ  และ 21.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.86 ดอลลาร์สหรัฐ และ 3.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ  มีผลมาจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้น หลังรัฐบาลหลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง โดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 24 เม.ย. 63 เพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ 5.9 ล้านบาร์เรล/วัน นับเป็นปริมาณการใช้เชื้อเพลิงที่สูงที่สุดตั้งแต่ วันที่ 27 มี.ค. 63 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 37% ซึ่ง EIA รายงานปริมาณสำรองเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 เม.ย. 63 ลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 259.6 ล้านบาร์เรล

ส่วน Euroilstock รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันเบนซินของยุโรป เดือน มี.ค. 63 ลดลง 0.27  ล้านบาร์เรล/วัน MoM หรือคิดเป็น 11.6% มาอยู่ที่ 2.08 ล้านบาร์เรล/วัน

สำหรับราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 26.56  ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.69 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล  เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคยังอยู่ในระดับต่ำจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ลดลง หลังโรงกลั่นในภูมิภาคปิดซ่อมบำรุงและปรับลดกำลังการผลิตโดยปริมาณน้ำมันดีเซลในเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังตะวันออกกลางมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในการส่งน้ำมันดีเซลจากมายังเอเชียมากกว่าไปยุโรป ทาง EIA รายงานปริมาณสำรอง Distillates เชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 เม.ย. 63 เพิ่มขึ้น 5.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 142 ล้านบาร์เรล ขณะที่ Platts รายงานปริมาณสำรอง Middle Distillates เชิงพาณิชย์ใน UAE ที่ FOIZ สัปดาห์สิ้นสุด   27 เม.ย. 63 เพิ่มขึ้น 0.6 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 4.1 ล้านบาร์เรล

นายวัฒพงษ์ กล่าวว่า ด้านประเทศไทย ปัจจัยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.03 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 32.6064 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.17 บาทต่อลิตร ในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดีเซลลดลง 0.15 บาทต่อลิตร ทำให้ ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.01 บาทต่อลิตร และค่าการกลั่น  เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.97 บาทต่อลิตร 

สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงณ วันที่ 3 พ.ค. 63 กองทุนน้ำมัน มีสินทรัพย์รวม 56,548 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 21,093 ล้านบาท   โดยมีฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 35,455  ล้านบาท แยกเป็น บัญชีน้ำมัน  41,465  ล้านบาท  และบัญชี ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)   -6,010  ล้านบาท