โมเดิร์นเทรด’พร้อมมาก!! รอรัฐปลดล็อคเปิดให้บริการประชาชน
หอการค้าฯหนุนรัฐบาล ทยอยคลายกฏเหล็กร้านค้า โมเดิร์นเทรดพร้อมทันทีที่รัฐไฟเขียว ชี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่น ขณะที่ดัชนีโมเดิร์นเทรดไตรมาสแรกต่ำสุดรอบ 2 ปี จากพิษโควิด-ปิดเมืองฉุดกำลังซื้อวูบ
นายสุรงค์ บูลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ห้างโมเดิร์นเทด พร้อมปฏิบัติตามมาตรการกฏระเบียบของภาครัฐหากมีการผ่อนผันให้สามารถกลับมาเปิดตามปกติ แต่การให้บริการจะต้องมีการควบคุม ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคด้วย
ทั้งนี้มั่นใจโมเดิร์นเทรดจะเป็นตัวนำในการสร้างความเชื่อให้กับภาคประชาชนได้ รวมทั้งจะช่วยทำให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาธุรกิจไหน โดยธุรกิจที่ควรปลดล็อคให้เปิดบริการได้ ได้แก่ ร้านที่เช่าพื้นที่ ทั้งภายในและนอกห้าง 2.
2.ของจำเป็นในการบริโภค เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่ง ไม่มีผลต่อการแพร่กระจาย ไม่ได้สร้างปัญหา และ3. ร้านวัสดุอุปกรณ์ที่มีไว้ซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ บ้าน เพราะเป็นช่วงที่ดีที่คนอยู่บ้านมีเวลาในการปรับปรุงบ้านของตัวเอง
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าในช่วงที่มีการประกาศเคอร์ฟิว ลักษณะการค้าเปลี่ยนไป เช่น ช้อปปิ้งออนไลน์ขยายตัว 35 % สิ่งที่รัฐบาลควรทำจากนี้ไปคือการทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวให้รวดเร็ว โดยเฉพาะการเปิดธุรกิจห้างสรรสินค้า
ขณะที่นาย ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2563 พบว่า
ดัชนีอยู่ที่ระดับ 47.2 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำว่ากว่า 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 2ปี นับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจตั้งแต่กลางปี 2561 สะท้อนว่าเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการไม่มั่นใจในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ปัจจัยลบที่มีผลต่อดัชนีฯลดลง คือการแพร่ระบาดโควิด-19 การประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ การสั่งปิดกิจการชั่วคราว มาตรการยกเลิกวีซ่า 18 ประเทศ ฟรีวีซ่า 3 ประเทศ การประกาศยกเลิกเที่ยวบินชั่วคราวของสายการบินในไทย ความไม่เชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ เป็นต้น
“ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบความเสียหายที่มีต่อกิจการโมเดิร์นเทรดได้ แต่ในภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งหมด หอการค้าไทยเคยประเมินไว้เมื่อช่วงต้นปีจะมีผลกระทบอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท โดยไตรมาสแรกคาดว่าประมาณ 3-4 แสนล้านบาท”นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวถึง การขยายเวลาประกาศเคอร์ฟิว นั้น ต้องทำความเข้าใจว่าครั้งนี้การใช้เคอร์ฟิวรอบนี้ไม่ใช่คุมสถานการณ์การเมืองเหมือนที่ผ่านมา แต่เพื่อควบคุมการป้องกันโรค ดังนั้นการขยายเวลาออกไป ยังอยู่ในโครงสร้างเศรษฐกิจที่ประชาชนรับทราบ หากทำให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19ลดลงจนเป็นศูนย์ จะเป็นภาพลักษณ์ที่ดี และถ้าทุกอย่างดีขึ้นสามารถยกเลิกเคอร์ฟิวก่อนได้