posttoday

ครม.เคาะต่อขยายสัมปทานทางด่วนให้ BEM 15 ปี 8 เดือน

18 กุมภาพันธ์ 2563

สกัดค่าโง่แสนล้าน ระงับข้อพิพาท 17 คดี แก้สัญญาใหม่ป้องกันปัญหาในอนาคต

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2563 ได้พิจารณาแนวทางการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งระเทศไทย (กทพ.) กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เจรจาแนวทางยุติก่อนมาเสนอ ครม. รวม 17 คดี

โดย ครม.ใช้เวลาในการพิจารณาเรื่องนี้ 2 ชั่วโมงก่อนจะอนุมัติขยายอายุสัมปทาน ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A ช่วงถนนพระราม 9 – ถนนรัชดาภิเษก ส่วน B ช่วงรัชดาภิเษก – บางโคล่ และส่วน C ช่วงถ.รัชดาภิเษก – ถ.แจ้งวัฒนะ ระยะทาง 8 กม ออกไปเป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน 2.ขยายสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D เป็นระยะเวลา 8 ปี 6 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 เม.ย.2570 และ 3.ขยายสัญญาทางด่วนบางปะอิน – ปากเกร็ดเป็นระยะเวลา 9 ปี 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 27 ก.ย.2569 โดยทั้งหมดให้ไปสิ้นสุด 29 ก.พ.2563ไปสิ้นสุด 31 ต.ค. 2578

สำหรับ การขยายสัมปทานทั้งหมดแลกกับการที่ BEM จะถอนคดีพิพาททั้งหมดออกจากทุกกระบวนที่ดำเนินการกับ กทพ. ทั้งการเจรจาไกล่เกลี่ย การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ และการพิจารณาของศาลทั้ง 17 คดี โดย กทพ. หรือรัฐจะไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยใดๆ แก่ BEM และมีการแก้ไขสัญญาระหว่าง กทพ. กับ BEM เพื่อป้องกันข้อพิพาทที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยเฉพาะจากการที่ กทพ. จะสร้างทางแข่งขันในอนาคต

นายวิษณุ กล่าวว่า ข้อพิพาทระหว่าง กทพ.กับ BEM เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2542 แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่การผิดสัญญาสร้างทางแข่งขัน การแบ่งส่วนรายได้ และการไม่ให้ขึ้นค่าผ่านทางตามเงื่อนไขในสัญญา กรณีพิพาทรวม 17 คดี และแต่ละคดีอยู่ในขั้นตอนที่ต่างๆ ทั้งการไกล่เกลี่ย การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ และในชั้นศาล

โดยในนี้มี 1 คดี เกี่ยวกับที่ กทพ. สร้างทางแข่งขันและต้องจ่ายค่าชดเชยให้ BEM ที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินไปแล้วและ กทพ. เป็นฝ่ายแพ้คดีต้องจ่ายเงินชดเชยพร้อมดอกเบี้ยให้ BEM 4,318 ล้านบาท และขณะนี้มีอีก 2 คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งมีข้อเท็จจริงลักษณะเดียวกันทำให้คาดว่าจะแพ้คดีอีกมูลค่ารวม 74,590 ล้านบาท รวมทั้ง 3 คดี 78,908 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ กทพ. แพ้คดีแรกไปแล้วในปี 2561 กระทรวงคมนาคมได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศึกษาและได้ทางออก พบว่าหากไม่แก้ไขปล่อยให้มีกรณีพิพาทไปเรื่อยๆ ถึงปี 2578 มูลค่าความเสียหายอาจจะสูงถึง 2-3 แสนล้านบาท ควรต้องหาทางเจรจาเพื่อหาทางชดเชยให้ BEM โดยชดเชยเป็นเวลาสัมปทาน เพื่อไม่ให้รัฐบาลต้องเสียงบประมาณ ครม. เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2561 จึงให้ กทพ. เจรจากับ BEM จึงนำมาสู่ผลเจรจาที่ ครม.อนุมัติต่อสัมปทานให้ในครั้งนี้

นายวิษณุ กล่าวว่า ที่กระทรวงคมนาคมต้องเสนอให้ ครม. อนุมัติต่อสัมปทานในครั้งนี้เนื่องจากมีเงื่อนเวลากที่มีโครงการบางส่วนจะ หมดอายุในวันที่ 29 ก.พ.นี้คือ ระบบทางด่วนขั้นที่2 ส่วน A ช่วงถนนพระราม 9 – ถนนรัชดาภิเษก ระยะทาง 12.4 กม. ส่วน B ช่วงรัชดาภิเษก – บางโคล่ ระยะทาง 9.4 กม. และส่วน C ช่วงถ.รัชดาภิเษก – ถ.แจ้งวัฒนะ ระยะทาง 8 กม. ซึ่งหากหมดอายุสัมปทานตามกฎหมายใหม่จะไม่สามารถใช้วิธีการเจรจาได้ จะต้องเปิดประมูลใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถกลับมาเจรจาได้อีก

ทั้งนี้ หลังจากหาข้อยุติได้และ ครม.อนุมัติขยายสัมปทานให้แล้ว ทั้ง กพท.และBEM จะร่วมกันดำเนินการยุติข้อพิพาทในทุกชั้นทั้งอนุญาโตตุลาการและชั้นศาลให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.พ. ก่อนอายุสัมปทานสิ้นสุด โดย ครม.ได้กำชับขอความร่วมมือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดให้เข้ามาช่วยดำเนินการถอนข้อพิพาททั้งหมดให้รอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับรัฐ

สำหรับการเจรจาระหว่าง กพท.กับ BEM จะนำไปสู่การจัดทำข้อสัญญาใหม่โดยเฉพาะข้อ 16 ที่เดิมกำหนดว่าหาก กทพ. สร้างทางแข่งขันกับ BEM จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับ BEM ในสัญญาใหม่จะไม่มีสัญญาข้อนี้อีก ซึ่งจะทำให้อนาคตไม่มีข้อพิพาทใหม่ให้ต้องจ่ายค่าชดเชยที่มาจากการสร้างทางแข่งขันอีก

ขณะที่ การดำเนินการในครั้งนี้ถือเป็นจุดที่เซ็ตซีโร่ เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่สะสมมาตั้งแต่อดีตและป้องกันปัญหาที่จะเกิดในอนาคต โดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายอะไร แต่เป็นการชดเชยเป็นเวลาให้กับเอกชนไปจนสิ้นปี 2578 และเรื่องนี้ก็ได้ผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการ และเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร์แล้ว

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า จากการคำนวณโดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) พบว่าจากยอดเงินชดเชยทั้งหมดที่ กทพ.จะต้องจ่ายให้กับ BEM เทียบกับการชดเชยเป็นเวลาแล้วจะอยู่ที่ 19 ปี 1 เดือน แต่จากการเจรจาแล้วลดลงมาเหลือ 15 ปี 8 เดือน และหลังสิ้นสุดสัปทานในปี 2578 แล้ว BEM สามารถเจรจาต่อสัมปทานได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี โดยจะได้รับสิทธิ์พิจารณาเป็นรายแรก และภายใต้สัญญาใหม่หลังเจรจาแล้ว BEM จะสามารถปรับขึ้นค่าทางด่วนได้อีก 1 ครั้งเดียว ในอัตรา 10 บาทในปี 2571

ทั้งนี้ ค่าชดเชย 78,908 ล้านบาท เป็นเพียงส่วนชดเชยในคดีพิพาทเกี่ยวกับการสร้างทางแข่งขัน 3 คดี แต่หากรวมทั้ง 17 กรณีพิพาท หากไม่ได้มีการเจรจาจะเป็นเงินที่ กทพ.ต้องชดเชย 1.37 แสนล้านบาท และหากปล่อยไว้ไม่แก้ปัญหาตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นความเสียหาย 2-3 แสนล้านบาท