posttoday

ชงครม.ขึ้นทะเบียนสินค้าควบคุม หน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ

03 กุมภาพันธ์ 2563

'พาณิชย์' เตรียมเสนอครม.4 ก.พ.เคาะหน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม ดัดหลังพ่อค้าโก่งราคา กักตุนสินค้า หลังเกิดวิกฤตขาดแคลน คาดคนไทยใช้เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 40 ล้านชิ้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่าที่ประชุมมีมติกำหนดให้หน้ากากอนามัย  และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และ เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าควบคุมราคา โดยจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ เมื่อได้รับการอนุมัติจะสามารถออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ทันที

ทั้งนี้การประกาศให้หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าควบคุม จะส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการดูแลสินค้าดังกล่าวได้มากขึ้น ทั้งการกำกับควบคุมผู้ผลิต ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่าย ต้องแจ้งข้อมูลต้นทุน ราคาซื้อขายให้ชัดเจน ขณะที่ด้านการส่งออกอาจมีการออกมาตรการตามมา เช่น การกำหนดปริมาณการส่งออกหรือ การขออนุญาตส่งออก เพื่อให้ปริมาณหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือมีปริมาณใช้อย่างเพียงพอในประเทศเสียก่อน

อย่างไรก็ตามหลังการประกาศเพิ่มสินค้าหน้ากากอนามัย-วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และเจลล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม จะทำให้บัญชีสินค้าและบริการควบคุมเพิ่มเป็น 54 รายการ จากเดิม 52 รายการ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า การหารือร่วมกันระหว่างกรมการค้าภายและผู้ผลิต หน้ากากอนามัย เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเกิดภาวะที่อาจทำให้ผู้บริโภคเกรงว่าจำนวนหน้ากากอนามัยหรือเจลล้างมือจะไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกิดการซื้อเก็บไว้เกินความจำเป็นในบางพื้นที่ จนเกิดการขาดแคนสินค้าเป็นจุดๆ ในบางพื้นที่ บางจังหวัด รวมทั้งอาจจะมีการนำออกไปนอกประเทศมากกว่าช่วงปกติ จนทำให้ปริมาณสินค้าในประเทศไม่พอใช้ จึงเป็นที่มาที่จะต้องกำหนดให้สินค้าทั้ง 2 ประเภทเป็นสินค้าควบคุม

ทางกรมการค้าภายในประเมินว่า จะมีความต้องการใช้หน้ากากอนามัยเพิ่มเป็น 40-50 ล้านชิ้น จากเดิมเดือนละ 30 ล้านชิ้น จึงเป็นที่มาที่จำเป็นต้องประสานงานเร่งให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นโดยเร็วเพื่อให้สนองกับความต้องการ

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผู้ค้าปลีกหลายรายให้ความร่วมมือนำมาวางขายเพิ่มขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันได้กำหนดไว้ว่า หากใครมีการ ส่งออก หรือนำออกจากราชอาณาจักรตั้งแต่ 500 ชิ้นหรือ 10 กล่องขึ้นไปต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายและอาจจะจำกัดการซื้อว่าครั้งหนึ่งซื้อได้ไม่เกินกี่ชิ้น หากใครซื้อมากเกินไปและนำออกนอกประเทศก็จะถูกจำกัดด้วยปริมาณ โดยจะประสานกับกรมศุลกากรช่วยจำกัดการส่งออกให้ได้ผลมากขึ้น