posttoday

ครม.เศรษฐกิจอัดมาตรการบรรเทาภาคการท่องเที่ยวจากผลกระทบไวรัสอู่ฮั่น

01 กุมภาพันธ์ 2563

กระทรวงคลัง ยืดเวลาชำระภาษี คืนเงินกู้ พร้อมลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้สายการบินหวังดูแลธุรกิจและแรงงานกว่า 10 ล้านคน มอบ ททท. หาตลาดใหม่ทดแทนจีน "บิ๊กตู่" ย้ำให้ความสำคัญความปลอดภัยคนไทยเป็นลำดับแรก

กระทรวงคลัง ยืดเวลาชำระภาษี คืนเงินกู้ พร้อมลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้สายการบินหวังดูแลธุรกิจและแรงงานกว่า 10 ล้านคน มอบ ททท. หาตลาดใหม่ทดแทนจีน "บิ๊กตู่" ย้ำให้ความสำคัญความปลอดภัยคนไทยเป็นลำดับแรก

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบกรอบมาตรการเพื่อจะดูแลภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญสัดส่วน12% ของจีดีพี

ด้วยมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สายการบิน บริษัทนำเที่ยว ร้านขายของที่ระลึกมีการจ้างงานทั้งโดยตรงและต่อเนื่องรวมกว่า 10 ล้านคน แต่ขณะนี้กำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรงปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น

ทั้งนี้ มาตรการจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกซึ่งจะเป็นระยะเร่งด่วน(ก.พ.-เม.ย.2563) ซึ่งเป็นมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และหลังจากนั้นจะเป็นระยะที่2 ที่จะเป็นมาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวโดย ครม.เศรษฐกิจจะประชุมเพื่อพิจารณามาตรการออกมาอีกครั้ง

"มาตรการที่ผ่าน ครม.เศรษฐกิจ ครั้งนี้จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ชุดใหญ่ในวันที่ 4 ก.พ. นี้ หลังจากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้นำไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป" นายกอบศักดิ์ กล่าว

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO)ได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่2019 หรือไวรัสอู่ฮั่นเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกแต่ WHO ก็เน้นย้ำว่ายังไม่มีเหตุผลที่จะกำหนดข้อจำกัดทั้งด้านการเดินทางและการค้ากับประเทศจีน

แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็สร้างความตระหนกให้กับนักทอ่งเที่ยวทั่วโลกและปฏิเสธไม่ได้ว่าการท่องเที่ยวไทยจะได้รับผลกระทบ เช่น ปีที่ผ่านมาไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศ 39.8 ล้านคน ส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน โดยการจัดเตรียมมาตรการรองรับครั้งนี้ ททท.ได้หารือกับผู้ประกอบการโดยใช้เหตุการณ์เทียบเคียงกับการระบาดของโรคซาร์สในปี2546

"จากการประเมินเราคาดว่าในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.ของปีนี้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่เดินทางมาไทยจะลดลง80% แต่ ททท.ยังไม่ได้ปรับลดประมาณการที่รัฐบาลให้ที่41 ล้านคนซึ่งเป็นเป้าหมายที่ผูกกับการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้เพราะยังอยู่ในช่วงต้นปี แต่เราจะพยายามดูแลให้ยอดนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ 39.8ล้านคน" นายยุทธศักดิ์ กล่าว

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนแนวทางเร่งด่วนที่จะเป็นมาตรการบรรเทาผลกระทบ ที่ครม.เศรษฐกิจได้เห็นชอบนั้นประกอบด้วย มาตรการเยียวยาธุรกิจท่องเที่ยวโดยกระทรวงการคลังพิจารณาการยืดภาษีให้กับผู้ประกอบการ หารือกับสถาบันการเงินทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐในการหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว

รวมถึงยืดระยะเวลาชำระหนี้ให้กับผู้ประกอบการ6 เดือน ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ก็ได้ส่งสัญญาณให้สถาบันการเงินเห็นแล้วเกี่ยวกับการต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการ การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน นอกจากนี้ มีมาตรการกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวในประเทศ โดยให้บริษัทเอกชนที่จัดสัมมนาในประเทศสามารถนำค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดประชุมสัมมนาในต่างพื้นที่มากขึ้น ส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม จะพิจารณาลดอัตราค่าขึ้น-ลงอากาศยาน (Landing Fee)

นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดย ททท. จะต้องดำเนินการหาตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพมาทดแทน ในการสร้างความท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยว ส่วนมาตรการด้านการสื่อสารให้ทุกหน่วยงานสื่อสารสร้างความเข้าใจกับคนไทยและนักท่องเที่ยวด้วยข้อมูลเดียวกัน (Single message) ว่าภาครัฐห่วงใยและให้ความสำคัญกับคนไทยเป็นลำดับ1 และแสดงความเห็นใจไปยังผู้ได้รับผลกระทบ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ช่วยชี้แจงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 กระทรวงสาธารณสุขมีแผนรับมือ 5 ระดับด้วยกัน ที่ผ่านมาใช้แผนระดับ1 เพราะมีเพียงผู้ติดเชื้อจากจีน ยังไม่มีการติดเชื้อจากคนสู่คนในประเทศไทย และจากองค์การอนามัยโลก(WHO) ได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก ก็ต้องดูว่าทางคณะกรรมการอำนวยการ เตรียมความพร้อม ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขจะปรับแผนรับมืออย่างไรบ้าง

ส่วนประเด็นที่นายอนุทิน เสนอยกเลิกวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง(VOA) นายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าการพิจารณาเรื่องนี้จะยกเลิกหรือทำอะไรต้องทำด้วยความรอบคอบ ข้อเท็จจริงทางจีนก็ห้ามคนของเขาไม่ให้เดินทางมาอยู่แล้ว กรุ๊ปทัวร์จีนก็หายไป 100% ส่วนที่เดินทางมาแบบไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ทางการจีนก็ขอความร่วมมือไม่ออกเดินทางแล้วเกิน 50% ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีจึงขอให้พิจารณาให้รอบคอบ

"ขอเน้นย้ำผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นด้านท่องเที่ยวหรือภาคอื่น รัฐให้ความสำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่าชีวิต สุขภาพของประชาชนที่เป็นหัวใจสำคัญมาเป็นลำดับแรก และต้องสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นลำดับแรก ให้เขาทราบถึงระบบสาธารณสุขของเราว่ามีมาตรฐานในระดับสากลเป็นไปตามองค์การอนามัยโลก เป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับว่ามีความพร้อมในเรื่องการควบคุมโรคแพร่ระบาดเป็นอันดับที่ 6 จาก 195 ประเทศในโลกด้วย" นางนฤมล กล่าว

สำหรับมาตรการที่ท่าอากาศยานนั้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย(ทอท.) ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบและนายกรัฐมนตรีก็ย้ำให้ชี้แจงว่า ที่ท่าอากาศยานมีการคัดกรองเข้มข้น 3 ระดับ ระดับที่ 1 การเดินทางมาจากเมืองที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมาก จะมีการคัดกรองตั้งแต่หน้าประตูเครื่องบิน ขณะที่เที่ยวบินมาจากเมืองที่เสี่ยงปกติจะจัดให้ลงที่ช่องจอด ดี อี เอฟ เมื่อเดินทางถึงจุดตัดจะมีการคัดกรอง

ส่วนเที่ยวบินที่ไม่สุ่มเสี่ยงจะถูกตรวจที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง หมายความว่าใครก็ตามที่มาจากประเทศที่เสี่ยงมากที่สุดจะถูกตรวจ 3 ขั้นตอน ส่วนเมืองที่เสี่ยงปกติจะถูกตรวจ 2 ขั้นตอน และมาจกาเมืองที่ไม่เสี่ยงจะถูกตรวจ 1 ขั้นตอน มีข้อสงสัยที่เกิดขึ้นว่าถ้าลงจากเครื่องและต่อรถบัสเข้ามาที่สนามบินก็ให้ผ่านทางช่องทางอีเท่านั้น ก็จะถูกการคัดกรอง 2 จุด ประชาชนในประเทศจะได้เกิดความเชื่อมั่นว่ามีการคัดกรองอย่างเข้มข้น