posttoday

ราคาอาหารสดพุ่ง-พลังงานหดตัว ดันเงินเฟ้อ ธ.ค.ปี62 แตะ 0.87%

02 มกราคม 2563

พาณิชย์ สรุปสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วไป ในเดือนธ.ค. มีอัตราสูงสุดในรอบ 5 เดือน ส่วนภาพรวมทั้งปี 2562 เงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวสูงขึ้น 0.71% คาดปี63 เคลื่อนไหวระดับ 0.4 – 1.2%

'พาณิชย์' สรุปสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วไป ในเดือนธ.ค. มีอัตราสูงสุดในรอบ 5 เดือน ส่วนภาพรวมทั้งปี 2562 เงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวสูงขึ้น 0.71% คาดปี63 เคลื่อนไหวระดับ 0.4 – 1.2%

กระทรวงพาณิชย์ รายงานภาพรวมดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนธันวาคม 2562 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 0.87 (YoY) เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันในอัตราสูงที่สุดในรอบ 5 เดือน (หลังจากชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม)

โดยมีสาเหตุสำคัญจากราคาอาหารสดที่สูงขึ้นและการหดตัวของราคาพลังงานที่หดตัวน้อยที่สุดในรอบ 8 เดือน ในขณะที่หมวดอื่นๆ ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างที่หดตัวในอัตราที่ชะลอลง

ทั้งนี้เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวที่ร้อยละ 0.49 (YoY) เฉลี่ยปี 2562 เงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้นร้อยละ 0.52 (AoA) เงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 0.71 (AoA) โดยอยู่ในกรอบคาดการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ร้อยละ 0.7 - 1.0

การขยายตัวของเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ โดยเฉพาะการขยายตัวอย่างช้า ๆ และต่อเนื่องของเงินเฟ้อพื้นฐาน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการช่วยเหลือเกษตรกรของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสนับสนุนให้การบริโภคเพิ่มขึ้น สะท้อนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากการบริโภคในประเทศขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
ปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก และ การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ส่งผลให้รายได้และความต้องการบริโภคของเกษตรกรเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดด้านอุปสงค์การลงทุน อาทิ การจำหน่ายปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก รถยนต์เชิงพาณิชย์ รถจักรยานยนต์ ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง และการทำธุรกรรมอสังหาฯ ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนหนึ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าปัจจัยเหล่านี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ในปี 2563 โดยภาครัฐน่าจะสามารถลงทุนและเบิกจ่ายงบประมาณได้อย่างเต็มที่ตามแผน

และหากสถานการณ์เศรษฐกิจและความผันผวนของโลกมีเสถียรภาพมากขึ้นก็น่าจะสนับสนุนให้การลงทุนของภาคเอกชนและการส่งออกขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์และกำลังซื้อในประเทศและทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตราที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น

สถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนธันวาคม 2562

ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนธันวาคม 2562 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 0.87 (YoY) ตามการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 1.73 จากข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ 8.75 โดยเฉพาะข้าวสารเหนียวที่มีปริมาณผลผลิตน้อยลง

ขณะที่ความต้องการยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ 2.21 จากความต้องการที่มีมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับการเฝ้าระวังโรคอหิวาต์ในสุกร ไข่และผลิตภัณฑ์นม (ไข่ไก่ นมสด นมเปรี้ยว) สูงขึ้นร้อยละ 2.29 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (น้ำอัดลม น้ำหวาน เครื่องดื่มรสช็อกโกแลต) สูงขึ้นร้อยละ 1.86 จากการปรับภาษีในกลุ่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลผสมเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา

อาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน สูงขึ้นร้อยละ 0.68 และ 0.26 ตามลำดับ รวมทั้งผลไม้ สูงขึ้นร้อยละ 2.85 ในขณะที่ผักสด (ผักคะน้า ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง) ลดลงร้อยละ 1.90 ตามปริมาณผลผลิตที่ออกมาก เนื่องจากสภาพอากาศเหมาะต่อการเพาะปลูก และฐานราคาในปีที่ผ่านมาสูง เครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช ซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม) ลดลงร้อยละ 0.02  

หมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.38 ตามการสูงขึ้นของหมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว โฟมล้างหน้า) สูงขึ้นร้อยละ 0.61 หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า (เสื้อผ้าบุรุษและสตรี) สูงขึ้นร้อยละ 0.25 หมวดเคหสถาน
(ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน) สูงขึ้นร้อยละ 0.27

หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษาฯ (ค่าเดินทางไปเยี่ยมญาติและทำบุญ ค่าเล่าเรียน) สูงขึ้นร้อยละ 0.73 รวมทั้งหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร สูงขึ้นร้อยละ 0.36 จาก
ค่าโดยสารสาธารณะ ที่ปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษ ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงหดตัวลดลงร้อยละ 0.59 การสื่อสาร (เครื่องรับโทรศัพท์มือถือ) ลดลงร้อยละ 0.05 หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (เบียร์ ไวน์) ลดลงร้อยละ 0.12

ดัชนีราคาผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.01 (MoM) เฉลี่ยทั้งปี 2562 สูงขึ้นร้อยละ 0.71 (AoA) ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนธันวาคม 2562 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.3 (YoY) ตามการลดลงของหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 0.9 และหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 1.3

โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ก๊าซธรรมชาติ เม็ดพลาสติก ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ สิ่งทอ เยื่อกระดาษ โลหะขั้นมูลฐาน โดยมีเหตุผลสำคัญจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ในขณะที่หมวดผลผลิตเกษตรกรรมขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.0 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียว ยางพารา

รวมทั้งผลปาล์มสดที่ปรับตัวสูงขึ้นตามมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนการนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (บี 7 บี 10 และบี 20) กลุ่มสัตว์มีชีวิตและผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สุกร ไก่มีชีวิต ไข่ไก่ และสัตว์น้ำ สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หัวมันสำปะหลัง และผักสด จากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากแต่ความต้องการยังคงทรงตัว
ดัชนีราคาผู้ผลิต เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 (MoM) เฉลี่ยทั้งปี 2562 ลดลงร้อยละ 1.0 (AoA)

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือนธันวาคม 2562 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 2.1 (YoY) จากการลดลงของหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ร้อยละ 12.3 ที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 โดยเฉพาะเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ปรับลดลงตามราคาวัตถุดิบ (เศษเหล็ก) ประกอบกับความต้องการใช้ลดลง ตามการชะลอตัวของโครงการก่อสร้าง

รวมทั้งมีการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศมาจำหน่ายปริมาณมาก หมวดซีเมนต์ (ปูนซีเมนต์ผสม) ลดลงร้อยละ 0.2 สอดคล้องกับปริมาณการจำหน่ายในประเทศ หมวดสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 0.6และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ลดลงร้อยละ 0.4 จากการลดลงของยางมะตอยตามราคาน้ำมันดิบ

ขณะที่หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (ไม้พื้น ไม้ฝา ไม้คาน) สูงขึ้นร้อยละ 9.9 ราคาสูงขึ้นต่อเนื่องจากช่วงต้นปี หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต (เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง คอนกรีตบล็อกก่อผนังมวลเบา คอนกรีตบล็อกปูพื้น) สูงขึ้นร้อยละ 1.0 ความต้องการเพิ่มขึ้นจากการเร่งดำเนินโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ และการซ่อมซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังภาวะอุทกภัยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงที่ผ่านมา สำหรับหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา หมวดกระเบื้อง และหมวดวัสดุฉาบผิว ไม่เปลี่ยนแปลง

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 (MoM) เฉลี่ยทั้งปี 2562 ลดลงร้อยละ 1.2 (AoA)

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ในเดือนธันวาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 44.5 เท่ากับเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 39.0 มาอยู่ที่ระดับ 39.4

ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตปรับตัวลดลงจากระดับ 48.2 มาอยู่ที่ระดับ 48.0 คาดว่ามาจากความกังวลต่อปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่มีสัญญาณในการฟื้นตัวที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตเฉลี่ยทั้งปี 2562 อยู่ที่ระดับ 52.8 (อยู่ในระดับเชื่อมั่น) ชี้ว่า ผู้บริโภคยังมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศเป็นไปในอัตราที่เร่งขึ้นหากสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและมีความชัดเจนมากขึ้น

สรุปสถานการณ์เงินเฟ้อปี 2562

ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เฉลี่ยทั้งปี 2562 สูงขึ้นร้อยละ 0.71 และเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) สูงขึ้นร้อยละ 0.52 โดยมีปัจจัยเชิงบวกจากหมวดอาหาร โดยเฉพาะอาหารสดและอาหารปรุงสำเร็จ

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามสถานการณ์อุปทานในประเทศ ในขณะที่อุปสงค์ยังทรงตัว และมีปัจจัยเชิงลบจากหมวดพลังงาน ซึ่งมีปัจจัยจากสถานการณ์อุปสงค์โลกเป็นสำคัญ ในขณะที่หมวดอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติและเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย สอดคล้องกับเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) ที่ขยายตัวได้เล็กน้อยในช่วงร้อยละ 0.4 - 0.7 อย่างต่อเนื่อง

ชี้ว่าสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของประเทศตลอดทั้งปี 2562 ยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ และเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปัจจัยด้านอุปทานและอุปสงค์ในตลาด

แนวโน้มเงินเฟ้อปี 2563

สถานการณ์เงินเฟ้อในปี 2563 คาดว่าจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับเสถียรภาพ โดยราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวในระดับนี้ตลอดทั้งปี ส่งผลให้เงินเฟ้อในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 จะยังคงได้รับอิทธิพลค่อนข้างมากจากราคาพลังงาน (ฐานราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรก 2562 ค่อนข้างสูง) และจะค่อย ๆ ลดอิทธิพลลงในช่วงครึ่งหลังของปี

ในขณะที่ราคาอาหารสดน่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ตามแนวโน้มสภาพอากาศที่กระทบต่อผลผลิต สำหรับราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่น ๆ น่าจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับปกติ และมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยด้านการใช้จ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

และหากสถานการณ์เศรษฐกิจและความผันผวนของโลกมีเสถียรภาพมากขึ้นก็น่าจะสนับสนุนให้การลงทุนของภาคเอกชนและการส่งออกขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์และกำลังซื้อในประเทศและทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตราที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยและแนวโน้มเหล่านี้ยังมีความเสี่ยงและมีโอกาสผันผวนได้ตามสถานการณ์
โดยกระทรวงพาณิชย์จะติดตามเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในปี 2563 จะเคลื่อนไหวที่ร้อยละ 0.4 – 1.2 ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง