posttoday

เม็ดเงินดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสะพัด คาดโต 5.4 แสนล้านบาท ใน 3 ปี

02 มกราคม 2563

เนทติเซนท์ ที่ปรึกษาด้านการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ เผยองค์กรใหญ่พร้อมทุ่มงบไอที แต่มีองค์กรที่ทรานส์ฟอร์มตัวเองสำเร็จเพียง 20%

เนทติเซนท์ ที่ปรึกษาด้านการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ เผยองค์กรใหญ่พร้อมทุ่มงบไอที แต่มีองค์กรที่ทรานส์ฟอร์มตัวเองสำเร็จเพียง 20%

นายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท เนทติเซนท์ (Netizen) เปิดเผยว่า ปัจจุบันองค์กรในทุกอุตสาหกรรมมุ่งทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่นเพื่อยกระดับการแข่งขันให้กับธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายด้านไอทีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

โดยคาดว่าภายในปี 2562 – 2565 อัตราการเพิ่มขึ้นจะมีถึง 19.42% ตามที่ข้อมูลจากไอดีซีระบุว่า ในปี 2563 นี้จะมีมูลค่า 4.52 แสนล้านบาท เมื่อถึงปี 2563 จะเพิ่มไปถึง 4.89 แสนล้านบาท จากนั้นในปี 2564 จะมีมูลค่า 5.16 แสนล้านบาท และปี 2565 ประมาณ 5.40 แสนล้านบาท

ซึ่งในมูลค่าที่กล่าวมาเป็นการลงทุนด้านการวางระบบเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยสามารถรองรับแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่เป็นสัดส่วน 60% แต่การลงทุนด้านดังกล่าวกับประสบปัญหาไม่สามารถนำระบบขึ้นมาใช้งานกับธุรกิจได้จริงมากกว่า 80% เนื่องการการออกแบบระบบขาดความยืดหยุ่นกับธุรกิจและการใช้งานยากจนเกินไป

เม็ดเงินดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสะพัด คาดโต 5.4 แสนล้านบาท ใน 3 ปี

จากปัญหาดังกล่าวเนทติเซนท์ในฐานะที่ปรึกษาด้านการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ (ERP)จึงได้ตั้งเป้าว่าจะไม่ทำให้เกิดความสูญเสียดังกล่าวเกิดขึ้นกับลูกค้า 100% เพื่อช่วยลดการสูญเสียที่มีมูลค่ามหาศาลต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเนทติเซนท์ได้แก้ปัญหาด้วยการนำระบบซอฟท์แวร์สำเร็จรูปมาต่อยอดปรับให้เข้ากับองค์กรของไทย เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง

ดังเช่นเมื่อเร็วๆนี้ เนทติเซนท์ ได้ทำการ Go Live ระบบ SAP ERP เวอร์ชัน Netizen Arabica ให้กับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ กลุ่มบริษัทไทย เคเค ได้แล้วเสร็จด้วยตามเป้าหมายด้วยระยะเวลาเพียง 8 เดือน โดยสามารถสร้างสถิติผู้ใช้งานสูงสุด 150 Users นับว่ามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการใช้งานระบบ แบบ Full Package โดยระบบช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัท ไทย เคเค สามารถขยายสาขาเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย และประเทศเวียดนามสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมมุ่งหน้าเข้าสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต ด้วยระบบการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้การ Go Live ระบบใหม่ให้กับกลุ่มบริษัท ไทย เคเค ในครั้งนี้ เป็นการเปิดใช้ระบบ Netizen Arabica แบบ Full Function ช่วยในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังและการขนส่ง ด้วยข้อมูลที่มีคุณภาพเชิงลึก ครอบคลุมทุกขั้นตอนและกระบวนการทำงาน สามารถติดตามสถานะการดำเนินงานได้แบบ Real-time ตั้งแต่ในขั้นตอนการจัด Shipment การตรวจนับสต็อคของและสินค้า การขนของขึ้นรถ หรือแม้กระทั่งการระบุสถานะและตัวตนของคนขับรถ นำไปสู่การตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงายได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้มีระบบการจัดการระบบขนส่งที่ดี ประหยัดเวลา มีความโปร่งใสและช่วยเพิ่ม Transaction รอบการขนส่งได้มากยิ่งขึ้น เป็นต้น