posttoday

'สนธิรัตน์' ร่วมวงถกสูตรน้ำมันหน้าโรงกลั่น 13 ธ.ค. นี้ ลุ้นกดราคาขายปลีกเป็นของขวัญปีใหม่

02 ธันวาคม 2562

จับตาการประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม 13 ธ.ค. เล็งรื้อสูตรราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันสะท้อนความเป็นจริง คาดมีโอกาสหั่นราคาขายปลีกในประเทศลดลงได้

จับตาการประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม 13 ธ.ค. เล็งรื้อสูตรราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันสะท้อนความเป็นจริง คาดมีโอกาสหั่นราคาขายปลีกในประเทศลดลงได้

นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้แทนภาคประชาชนได้ร่วมแถลงข่าว ภายหลังการประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ว่า ได้พิจารณาเรื่อง ราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมัน โดยเฉพาะประเด็น ราคาอ้างอิงหน้าโรงกลั่นน้ำมันที่เป็นการอ้างอิงการนำเข้าจากตลาดสิงคโปร์ (Import Parity)ว่าเกณฑ์ดังกล่าวยังมีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจะมีการหารืออีกครั้งในวันที่ 13 ธ.ค. นี้ โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานจะนั่งเป็นประธานการประชุมด้วย และน่าจะได้ข้อสรุปในบางประเด็น ส่วนจะปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรมและได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน ที่อาจปรับลดราคาก่อนหรือหลังปีใหม่ก็สามารถทำได้

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้แทนภาคประชาชนในคณะทำงานฯ กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญตัวแทนโรงกลั่นมาชี้แจงสูตรหน้าโรงกลั่นคือราคานำเข้าจากสิงคโปร์บวกค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างเดินทางเข้ามา ซึ่งนอกจากค่าดำเนินการเหล่านี้แล้วยังมีค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน ค่าใช้จ่ายเพื่อสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง ค่าใช้จ่ายคลังและค่าลำเลียง ถือเป็นต้นทุนทั้งสิ้น โดยการพิจารณาทางเทคนิคก็จะมาดูว่าจะปรับเปลี่ยนได้อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ทำให้ราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงลดลง เพราะราคาน้ำมันถือเป็นตันทุนทางตรงทั้งต่อภาคการผลิต และค่าครองชีพของประชาชน

ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กล่าวว่า ข้อเสนอภาคประชาชนคือ ประเทศไทยได้ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปแล้วหลายปี มูลค่าส่งออกเมื่อปีที่แล้วประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อสามารถส่งออกได้จำนวนมากจึงต้องการให้ราคาการอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นเป็นการอ้างอิงราคาส่งออกน้ำมันไปสิงคโปร์ซึ่งถูกกว่าเป็นหลัก แทนการอิงราคานำเข้าแบบเดิม ซึ่งหลักการหารือในครั้งนี้ก็เป็นการพูดคุยเริ่มตั้งแต่ต้นทางของราคาน้ำมันก่อนบวกภาษี หากได้ข้อสรุปของเรื่องสูตรการกำหนดราคาหน้าโรงกลั่น ก็จะทำให้ภาครัฐมีไม้บรรทัดในการกำกับดูแลประเด็นต่อๆ ไปได้อย่างโปร่งใส และขอขอบคุณกระทรวงพลังงานยุครัฐมนตรีสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่เปิดให้ภาคประชาชนมีสิทธิเสียงคุยกันเต็มที่เป็นคณะทำงาน เป็นสิ่งที่น่าชมเชยในความกล้าหาญ