'จุรินทร์' นำทัพเอกชน ลุย 10 ตลาดส่งออกทั่วโลก
ประชุม กรอ.พาณิชย์ เร่งเพิ่มตัวเลขส่งออกในช่วงสถานการณ์สงครามการค้า Brexit และบาทแข็ง ชูยุทธศาสตร์รักษาตลาดเดิม ขยายตลาดใหม่ แถมฟื้นตลาดเก่าที่เสียไป
ประชุม กรอ.พาณิชย์ เร่งเพิ่มตัวเลขส่งออก ในช่วงสถานการณ์สงครามการค้า Brexit และบาทแข็ง ชูยุทธศาสตร์รักษาตลาดเดิม ขยายตลาดใหม่ แถมฟื้นตลาดเก่าที่เสียไป
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในฐานะประธานการประชุม คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 ณ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่าการประชุม กรอ.พาณิชย์ในครั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกระทรวงพาณิชย์หน่วยงานภาคราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมผู้ส่งออกสินค้าและอื่นๆ
โดยมีประเด็นสำคัญ คือ การเพิ่มตัวเลขการส่งออก ภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบสงครามการค้า Brexit และ เรื่องค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับยุทธศาสตร์เดิมที่กำหนดไว้คือการมุ่งเน้นรักษาตลาดเดิม และขยายเพิ่มเติมตลาดใหม่ รวมทั้งฟื้นตลาดเก่าที่เคยมีอยู่แต่สูญเสียไป โดยเน้นย้ำเพิ่มเติมลึกลงไปในรายละเอียดของยุทธศาสตร์ในทางปฏิบัติที่จะมุ่งเน้น 5-6 ประเด็นใหญ่
ประเด็นแรก จะเดินหน้าการสร้างไทยแบรนด์ เพื่อให้มีความเข้มแข็งในตลาดโลกต่อไป ด้านที่สอง คือ มุ่งเน้นการส่งเสริมภาคบริการใหม่นอกจากที่เคยทำมา เช่น ค้าปลีก โลจิสติกส์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กีฬา การก่อสร้างตกแต่ง โรงแรม อีคอมเมิร์ซ เพิ่มเติม เป็นต้น
ด้านที่สาม คือ มุ่งเน้นกระชับการสร้างพันธมิตรเครือข่ายกับสภาธุรกิจเอกชนระหว่างประเทศในภูมิภาคต่างๆถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนโดยเร็วขึ้น ด้านที่สี่ คือ การเน้นสนับสนุนให้เอสเอ็มอี สามารถที่จะส่งออกได้มากขึ้นผ่านช่องทางต่างๆ
ด้านที่ห้า มุ่งเน้น ให้ทูตพาณิชย์หาลู่ทางเจาะเป็นตลาดในประเทศใหญ่ๆ รายมณฑลเพิ่มตัวเลขการส่งออกแผนการเจาะตลาดประเทศ
นายจุรินทร์ กล่าวว่าสำหรับข้อสรุป เห็นร่วมกันว่าในช่วงระยะเวลาจากนี้ไปจะบุกตลาดไปด้วยกันทั้งภาครัฐและเอกชนใน 10 ตลาดใหญ่ที่เห็นว่ามีศักยภาพ ประกอบด้วยตลาด จีน อินเดีย ตุรกี เยอรมัน ศรีลังกา บังคลาเทศ ตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ อังกฤษ ยุโรป เป็นต้น และสิ่งที่ที่ประชุมนี้มีความเห็นให้ฝ่ายเลขาฯไปทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อการประชุมเที่ยวหน้า คือ หนึ่งการทำให้ภูมิภาคอาเซียนการค้าชายแดนของไทยสามารถใช้โลโก้ข้าวอินทรีย์ได้มากขึ้น
และจัดทำแผนสนับสนุนเอสเอ็มอีกับสตาร์ทอัพให้เพิ่มตัวเลขการส่งออกในตลาดสำคัญสำคัญต่างๆทั่วโลกได้มากขึ้นกับสามให้ทูตพาณิชย์ไปศึกษากฎเกณฑ์กติกาต่างๆของประเทศสำคัญสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกของไทย สามารถได้รับสิทธิพิเศษหรืออัตราภาษีต่ำตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้ส่งออกไปในราคาที่แข่งขันกับคู่แข่งได้