posttoday

'สมคิด'นำทีมโรดโชว์จีน เชื่อม GBA กับไทย หวังต่อยอด clmvt-อาเซียน

21 ตุลาคม 2562

ทีมเศรษฐกิจภาครัฐ

ทีมเศรษฐกิจภาครัฐ

ช่วงระหว่างวันที่ 20-25 ต.ค. นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำคณะหน่วยงานด้านเศรษฐกิจภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี ) เดินทางไปโรดโชว์การลงทุน ณ มณฑลกวางตุ้ง และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งครั้งนี้มีโอกาสได้พบหารือกับบริษัทชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีชีวภาพ อุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคมและการพัฒนาบุคลากร ด้วย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุผลสำคัญของการเยือนกวางตุ้งนอกจากการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าไทย-จีนที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว ยังมีการวางคอนเซ็ปต์กับรัฐบาลจีนไว้ว่า จีนเน้นการใช้เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area) หรือ GBA เป็นตัวเชื่อมระหว่างจีนกับโลกภายนอก ดังนั้นประเทศไทยในฐานะเป็นศูนย์กลาง CLMVT และอาเซียนมีแผ่นดินเชื่อมกับจีน GBA เพื่อเป็นหัวหอกผลักดันในการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก โดยเฉพาะอาเซียน  จึงเสนอแนวคิดเชื่อมโยง GBA กับไทยเพื่อไปสู่ความเชื่อมโยงกับ clmvt และอาเซียน  โดยหวังว่าจะมีผลยกระดับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางแห่งการลงทุนที่แท้จริง

นอกจากนี้จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU)ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างอีอีซีกับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งจะช่วยตอกย้ำความสำเร็จของอีอีซีในการเป็นฐานผลิตและคมนาคมขนส่งของอนุภูมิภาค

ขณะเดียวกันมีกำหนดการณ์เข้าพบบุคคลสำคัญได้แก่ นายหลี่ ซี สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำมณฑลกวางตุ้ง เพื่อสานต่อความคืบหน้าในการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างมณฑลกวางตุ้งกับไทย โดยใช้คอนเซ็ปต์ GBA หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้มาเยื่อนประเทศไทยเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

รวมทั้งได้เข้าพบหารือกับนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ กลุ่มบริษัทหัวเว่ย พร้อมเยี่ยมชมโรงงานผลิตสมาร์ทโฟนใน Huawei Songshan Lake Factory 

"อย่างไรก็ดีเชื่อว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการสร้างความเข้มแข็งทางวิทยาการ และนวัตกรรม ตลอดจนสร้างสัมพันธ์หุ้นส่วน กับ smart start ups ทั้งหลาย เพราะกวางตุ้งและเซินเจิ้นคือผู้นำของโลกด้านนี้ เราจะใช้ โมเดลคล้ายของเขาในการสร้าง start up ไทย เปลี่ยนให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเป็น entrepreneurial based economy"นายสมคิด กล่าว

'สมคิด'นำทีมโรดโชว์จีน เชื่อม GBA กับไทย หวังต่อยอด clmvt-อาเซียน

ด้านน.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า การพบหารือกับบริษัทชั้นนำของจีน เพื่อชักชวนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งร่วมพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐไทยกับมณฑลกวางตุ้ง และบริษัท หัวเว่ย ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทที่จะพบหารือเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีชีวภาพ อุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคม และการพัฒนาบุคลากร

นอกจากนี้ในวันที่ 23 ต.ค. บีโอไอจะจัดสัมมนาใหญ่“Strategic Partnership through the Belt and Road Initiative and the EEC” โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีจะกล่าวปาฐกถาพิเศษ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง จะบรรยายในหัวข้อ “Enhancing Thailand’s Competitiveness-Improving Ease of Doing Business in Thailand”

ขณะที่เลขาธิการบีโอไอ จะบรรยายในหัวข้อ “Thailand Investment Year: Opportunities for Chinese Investors” ส่วนนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จะร่วมบรรยายในหัวข้อ “Grand Strategy on the Belt and Road Initiative and the EEC” และผู้บริหารระดับสูงของบริษัท หัวเว่ย ประเทศไทยจะร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำธุรกิจในประเทศไทยด้วย โดยงานสัมมนาจะจัดขึ้น ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่น เซินเจิ้น คาดว่า จะมีนักธุรกิจชั้นนำจากจีนเข้าร่วมประมาณ 500 ราย

“ประเทศไทยกับจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน ซึ่งไทยถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเป็นประตูสู่อาเซียน ที่สามารถเชื่อมโยงกับจีนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เหมาะสมกับการลงทุน นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีมาตรการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนผ่านสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของบีโอไออีกด้วย” น.ส.ดวงใจ กล่าว

ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขขอรับการส่งเสริมการลงทุนของจีน ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปี 2561 มียอดรวมกว่า 1.12 แสนล้านบาท ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 นักลงทุนจากจีนมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้วกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 กว่า 5 เท่า