posttoday

บินไทยเลื่อนชงแผนจัดซื้อเครื่องบินล็อตใหม่ รอนโยบายรัฐบาลเคาะ

17 กันยายน 2562

การบินไทยหวั่นเงินบาทแข็ง-น้ำมันแพง ซ้ำเติมยอดขาดทุนสะสมปีนี้ เตรียมเลื่อนแผนจัดซื้อเครื่องบินใหม่ เสนอครม.เคาะเดือน ต.ค.

การบินไทยหวั่นเงินบาทแข็ง-น้ำมันแพง ซ้ำเติมยอดขาดทุนสะสมปีนี้ เตรียมเลื่อนแผนจัดซื้อเครื่องบินใหม่ เสนอครม.เคาะเดือน ต.ค.

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่  บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้นั้นในด้านอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) นับว่าดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพราะบริษัทได้จัดรายการส่งเสริมการตลาด หรือแคมเปญมาก และได้รับผลตอบรับดี

ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 4/62 แม้จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว แต่บริษัทก็ยังกังวลต่อทิศทางของค่าเงินบาทที่แข็งค่าและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนสูงขึ้นด้วย โดยในช่วงครึ่งปีแรกหรือสองไตรมาสแรกของปีนี้การบินไทยมียอดขาดทุนสะสมมากกว่า 6,400 ล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าแผนจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำ วงเงิน 1.56 แสนล้านบาทนั้นจะเสนอเลื่อนแผนจัดซื้ออกไปก่อน เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาล จึงทำให้ต้องรับมอบนโยบายจากรัฐมนตรีคนใหม่ นายถาวร เสนเนียม ซึ่งได้สั่งการให้กลับไปทบทวนมาให้รอบคอบ ดังนั้นต้องเลื่อนการเสนอสผนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ออกไปเป็นเดือน ต.ค.นี้

อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนแผนทั้งหมด ซึ่งจะมีการเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด) การบินไทยในวันที่ 24 ก.ย.นี้ พร้อมพิจารณาการเช่าเครื่องบิน 3 ลำด้วย หากไม่มีอะไรเพิ่มเติมก็ส่งเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม ส่วนความคืบหน้าการขายเครื่องบิน 8 ลำ วงเงิน 4 พันล้านบาทนั้น ขณะนี้ทางผู้ซื้อคาดจะสรุปภายในสัปดาห์นี้

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ส่วนแผนการจัดหาเครื่องบินยังคงเดิม วงเงินเท่าเดิม การจัดซื้อแบ่งเป็นเฟส 1 และเฟส 2 ดังนั้น การที่ไม่เปลี่ยนแปลงข้อมูลทุกอย่างก็เหมือนเดิม แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงแผนตามนโยบาย จะต้องเสนอแผนกลับไปยังคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. )อีกครั้งก่อนเสนอเข้า ครม.

อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น รมช.คมนาคม รับทราบกรอบการจัดหาเครื่องบิน แต่ขณะเดียวกันก็มีคำถามเกี่ยวกับเครื่องบินลำตัวแคบว่าบริหารอย่างไร การมีเครื่องบินชนิดนี้จะแข่งขันกับสายการบินอื่นได้หรือไม่ ซึ่งปัจจุบัน การบินไทยถูกเบียดตลาดแรงมาก ดังนั้นจึงต้องมีคำตอบเพื่อให้ผู้อนุมัติมั่นใจเพราะมีหน้าที่ตอบสภาฯ และประชาชน ดังนั้น จึงต้องรอบคอบ

นายสุเมธ กล่าวถึง การลงนาม MOU กับกระทรวงพาณิชย์ว่า การบินไทยและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมลงนามความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาบุคลากร เพื่อพัฒนาบุคลากรของ 2 หน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนวิทยากร ด้านการพัฒนาผู้ประกอบการ และด้านการสร้างโอกาสด้านการค้าระหว่างประเทศ เพื่อต่อยอดสู่ช่องทางออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตามความร่วมมือเรื่องอีคอมเมิร์ซ จะช่วยส่งเสริมสินค้า โอทอป ผ่านสายการบินไทยที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทาง เพราะมีผู้โดยสารราว 20 ล้านคนที่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ และเป็นลูกค้าระดับ B+ โดยคาดว่าใช้เวลาพัฒนาแพลตฟอร์ม และเริ่มให้บริการในเดือนเม.ย. 63 ถือเป็นการขยายเฟส 2 หลังจากที่การบินไทยจะเปิดตัวขายสินค้า ออนไลน์ในปลายเดือนต.ค.นี้

ด้านนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กล่าวว่า การจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำ แบ่งเป็นล็อตแรก 25 ลำ แยกเป็น 22 ลำ เครื่องบินลำตัวแคบ และ 3 ลำ เป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง และล็อตที่ 2 อีก 13 ลำ ตนอยากถามว่าการซื้อมาทดแทนครั้งนี้บอร์ดการบินไทยได้ใส่ใจขนาดไหน ที่ใช้คำว่าซื้อมาทดแทน และการที่ผู้บริหารการบินไทยจะเปิดเมืองใหม่อีก 15 เมือง ได้วางแผนเรื่องของการปรับปรุงเครื่องบิน ทั้งเก้าอี้ที่นั่งและการอำนวยความสะดวก สามารถจูงใจผู้โดยสารให้ทำการบิน สามารถแย่งลูกค้าจากโลวคอสต์ได้ขนาดไหนเพียงใด

ดังนั้นบอร์ดควรจะพิจารณาตัวเองว่า ขณะนี้ได้ทำงานให้กับพี่น้องประชาชนที่เป็นเจ้าของสายการบินแห่งชาติได้คุ้มกับตำแหน่งแล้วหรือยัง ถ้าคิดว่าคุ้มก็อยู่ไป แต่ตอนนี้ขอให้พิจารณาตัวเองก่อน เพราะตัวชี้วัดหรือ Key Performance Indicator (KPI) ที่ รมว.คมนาคม มอบหมายมาเป็นตัวชี้วัด KPI ดังนั้นตอนนี้บอร์ดต้องถามตัวเอง หากจะให้รัฐมนตรีไปไล่ก็ไม่ใช่หน้าที่ เพราะไม่ใช่ผู้ถือหุ้น

“บริษัทการบินไทย มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่กว่า 50% กองทุนวายุภักษ์อีกกว่า 15% รวมแล้วกว่า 70% ที่ผ่านมากลับปล่อยให้บริษัทขาดทุนมาได้นับเวลามา 10 ปี ต้องถามด้วยว่าไม่คิดไม่อ่านอะไรกันเลยหรือ หรือคิดว่าไม่ใช่เงินของตนเอง รวมทั้งต้องขอถามกลับไปยังผู้บริหารว่าทุกคนอยู่ใน Comfort zone ไม่รู้ร้อน รู้หนาวกันเลยหรือว่าตัวเองอยู่ในสายการบินแห่งชาติที่เป็นเงินของพี่น้องประชาชนมาลงทุน”นายถาวรกล่าว