ตลาดการบินปี62สุดว้าเหว่ โตต่ำสุดในรอบ 10 ปี จากพิษสงครามการค้าฉุดเที่ยวไทย
บวท. ตั้งโต๊ะแถลงแนวโน้มตลาดการบินปีนี้วูบหนัก หวั่นท่องเที่ยวไทยปีหน้าทรุดต่อเนื่อง เหตุเศรษฐกิจไทยชะลอตัว พร้อมแจง 'เซ็นทรัลวิลเลจ'ไม่กระทบการบินสุวรรณภูมิ ทดสอบบินแล้วไร้อุปสรรค
บวท. ตั้งโต๊ะแถลงแนวโน้มตลาดการบินปีนี้วูบหนัก หวั่นท่องเที่ยวไทยปีหน้าทรุดต่อเนื่อง เหตุเศรษฐกิจไทยชะลอตัว พร้อมแจง 'เซ็นทรัลวิลเลจ'ไม่กระทบการบินสุวรรณภูมิ ทดสอบบินแล้วไร้อุปสรรค
นายสมนึก รงค์ทอง เป็นกรรมการผู้อำนวยการ ใหญ่วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.)
นายสมนึก รงค์ทอง เป็นกรรมการผู้อำนวยการ ใหญ่วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดการบินในปีนี้มีการเติบโตลดลงอย่างน่าตกใจ ถือว่าต่ำสุดในรอบนับสิบปีที่ผ่านมา โดยบวท.คาดการณ์ว่าปีนี้ตลาดการบินจะขยายตัวเพียง 1% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 6%
โดยมีเที่ยวบินลดลงราว 60,000 เที่ยวบิน อยู่ที่ 1.04 ล้านเที่ยวบินตลอดปี จากเดิม 1.1 ล้านเที่ยวบินในปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกได้ผลกระทบจากสงครามการค้า(สหรัฐ-จีน)? รวมถึงสภาวสงครามในปากีสถาน และการแยกตัวออกจากยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit)? สอดคล้องกับยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในครึ่งปีแรกที่เติบโตเพียง 0.7% ลดลงมากเมื่อเทียบกับการขยายตัวนักท่องเที่ยวในปีก่อนที่ 6-7%
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการสภาวะทางเศรษฐกิจ มีผลต่อการขยายตัวของเที่ยวบินโดยตรง ส่งผลให้การเติบโตในปี 2563 ตลาดการบินมีโอกาสเงียบเหงาต่อเนื่องหากการเติบโตเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวแค่ 2-3 %
นายสมนึก กล่าวว่าสำหรับตัวเลขปริมาณการบินในปีงบประมาณ 2562 (ต.ค. 2561-ส.ค. 2562) ในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณรวม 964,322เที่ยวบิน เฉลี่ย 2,876 เที่ยวบิน/วัน สำหรับสนามบินที่มีสัดส่วนมากที่สุดคือสุวรรณภูมิอยู่ที่ 348,615เที่ยวบิน คิดเป็นสัดส่วน 36% รองลงมาเป็นสนามบินดอนเมือง 265,616 เที่ยวบิน คิดเป็นสัดส่วน 27.5% และสนามบินภูเก็ต 108,095 เที่ยวบิน คิดเป็นสัดส่วน 11.2%
อย่างไรก็ตาม สำหรับเส้นทางบินทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางบินที่มีปริมาณจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีปริมาณเที่ยวบินรวมอยู่ที่ 239,771 เที่ยวบินต่อปี เฉลี่ยวันละ 632 เที่ยวบินต่อวัน เฉลี่ยภาพรวมเติบโตอยู่ที่ 7.4%
ทั้งนี้คาดว่า รายได้ในปีนี้จะมากกว่า 10,000 ล้านบาท คิดเป็นกำไรอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้จะมีการลงทุน 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนสร้างหอบังคับการบินใหม่ที่สนามบินอู่ตะเภา วงเงิน 1,000 ล้านบาท เปิดใช้ปี 2566-2567 และการลงทุนสร้างหอบังคับการบินใหม่ที่สนามบินเบตง มูลค่า 200 ล้านบาท เปิดใช้ปี 2563
นายสมนึกกล่าวถึงข้อพิพาทเรื่องเซ็นทรัลวิลเลจว่า สำหรับโครงการเซ็นทรัล วิลเลจนั้นที่ทอท.มีความกังวลว่าโครงการดังกล่าวจะกระทบต่อการบินนั้นมีส่วนทั้งเรื่องแสงไฟและคลื่นความถี่ของโครงการจะกระทบกับการบินแน่นอน
ทว่าในแต่ละปีมีระยะเวลากระทบเพียง 1 เดือน หรืออาจไม่กระทบเลย เนื่องจากโครงการเซ็นทรัลวิลเลจอยู่ทางฝั่งด้านใต้ของสนามบิน (South Runway) ซึ่งส่วนใหญ่การนำเครื่องบินเทคออฟจะอยู่ที่ฝั่งด้านเหนือ (North Runway) ถึง 11 เดือน โดยจะมีเพียงปีละ 1 เดือนที่ต้องเปลี่ยนมาเทคออฟฝั่งรันเวย์ใต้ ตามทิศทางของกระแสลมช่วงสั้นๆในแต่ละปี
หรือบางปีอาจไม่มีลมเปลี่ยนทิศเลยก็เป็นได้ ประกอบกับจากการบินทดสอบของ บวท. เมื่อช่วง เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นการก่อสร้างของโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ก็ไม่พบปัญหาใดๆ ในการนำเครื่องบินขึ้นและลง
ส่วนการขยายรันเวย์ที่ 3และรันเวย์ที่4 ของสนามบินสุวรรณภูมิก็จะไม่กระทบกับเซ็นทรัลวิลเลจเช่นกันเพราะรันเวย์ใหม่จะอยู่อีกฝั่งของสนามบิน มีเรื่องเดียวที่น่าเป็นห่วงคือการใช้แสงไฟในงานอีเวนท์ อาทิ แสงสปอร์ตไลท์ แสงยิงขึ้นฟ้าแบบซิตี้ไลท์ รวมถึงแสงเลเซอร์ ต้องควบคุมไม่ให้กระทบกับนักบิน