posttoday

อว.จับมือสภาอุตสาหกรรมฯสร้างคนสู่อุตสาหกรรม 4.0

22 สิงหาคม 2562

กระทรวงการอุดมฯ จับมือสภาอุตสาหกรรมฯ สร้างคนสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตั้งกองทุนนวัตกรรมให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 30% สำหรับเอกชนที่บริจาคเงินเข้ากองทุนฯ

กระทรวงการอุดมฯ จับมือสภาอุตสาหกรรมฯ สร้างคนสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตั้งกองทุนนวัตกรรมให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 30% สำหรับเอกชนที่บริจาคเงินเข้ากองทุนฯ

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารอว.ร่วมประชุมกับนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่องการเตรียมอุตสาหกรรมไทยสู่ศตวรรตที่ 21 ด้วยการใช้ วทน. หรือ วิทยาศาตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดย ส.อ.ท.ขอเสนอให้ อว.ช่วยดำเนินการใน 4 เรื่อง

อว.จับมือสภาอุตสาหกรรมฯสร้างคนสู่อุตสาหกรรม 4.0

ทั้งนี้ คือ 1.ให้ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอี ที่มีข้อจำกัดเรื่องนวัตกรรมด้วยกลไกตลาดและทุนสนับสนุนทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยให้มีการตั้งกองทุนนวัตกรรมและให้มีนักวิจัยมาช่วยประเมินศักยภาพของเอสเอ็มอี 2.ให้มีการพัฒนานวัตกรรมชุมชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดย ส.อ.ท.จะมีโครงการ 1 สภาอุตสาหกรรมจังหวัดต่อ 1 สถาบันอุดมศึกษาต่อ 1 นวัตกรรมชุมชน เพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนหรือโอท็อป โดยดำเนินการนำร่องในพื้นที่จังหวัดที่ตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 8,898 รายและ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) 1,411 ราย เพื่อยกระดับรายได้ ลดค่าใช้จ่าย ลดหนีและลดความเหลื่อมล้ำ ชุมชนมีรายได้อย่างน้อย 1 แสนบาทต่อปี

3. พัฒนาระบบเศรษฐกิจใหม่ หรือ BCG โมเดล ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และ เศรษฐกิจสีเขียว และ 4.ให้มีการยกระดับทักษะความสามารถแรงงานไทย โดยขอให้ อว.ปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ขณะที่ ส.อ.ท.จะมีการตั้งอะคาเดมี่ขึ้นมาดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ เทคโนโลยีดิจิตัล ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ กระบวนการผลิตอาหาร โดยจะทำร่วมกับมหาวิทยาลัย เช่น ขอให้นักศึกษามาฝึกงานจริงก่อนจบการศึกษา 1 ปีแทนที่จะเป็น 4 เดือน เพราะที่ผ่านมาแรงงานไทยค่อนข้างขาดทักษะ เรียนมาแล้วทำงานไม่ได้ เป็นต้น

ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอของ ส.อ.ท.เพื่อยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในด้านต่างๆ โดนเรื่อง การตั้งกองทุนนวัตกรรม เรื่องขอสิทธิประโยชน์ทางภาษี 30% สำหรับเอกชนที่บริจาคเงินเข้ากองทุนนวัตกรรมสามารถดำเนินการได้ทันที และจะมีการตั้งคณะทำงานระหว่าง อว.และ ส.อ.ท.โดยมอบหมายให้สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.) ร่วมกับกรมบัญชีกลางผลักดันบัญชีนวัตกรรมปลดล็อคข้อจำกัดที่เคยมีและขยายผลการใช้บัญชีนวัตกรรม

สำหรับ เรื่องที่สอง ให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันผลักดันเรื่องสมาร์ทฟาร์มิ่ง เอสเอ็มอี การสร้างวิสาหกิจชุมชนในการสร้างเทคโนโลยี เรื่องที่สาม มอบให้ ส.อ.ท.กำหนดเป้าหมายย่อยใน BCG โมเดล ให้ชัดเจนทั้งกลุ่มเกษตร อาหาร พลังงานและวัสดุ สุขภาพและการแพทย์ วางแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มภายใน 3 – 5 ปี โดย อว.จะสนับสนุนทัน และเรื่องที่สี่ เห็นด้วยกับการตั้งอะคาเดมี่และให้ภาคอุตสาหกรรมตั้งโจทย์ตามความต้องการเพื่อนำไปสู่การกำหนดอาชีพแห่งอนาคตและพัฒนาทักษะใหม่ให้กับของมหาวิทยาลัยพร้อมปลดล็อคระยะเวลาการอนุมัติหลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา(สกอ.) ทั้งจะมอบให้หน่วยงานต่างๆ มาทำงานร่วมกับ ส.อ.ท.เพื่อผลักดันนโยบายการขับเคลื่อนให้เกิดการยกระดับหรือการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมของประเทศใหม่ด้วย วทน. ให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป