posttoday

'บีโอไอ'เตรียมออกแพคเกจดึงต่างชาติหนีเทรดวอร์ย้ายฐานลงทุนไทย

22 สิงหาคม 2562

'สมคิด' สั่งบีโอไอเปิดเกมรุกต้อนรับนักลงทุนย้ายฐานการผลิตมาไทยหนีผลกระทบสงครามการค้า ตั้งทีมเฉพาะกิจเจาะรายบริษัทชักจูงลงทุน ขณะที่ขอยื่นลงทุน6เดือน2.32 แสนล้าน มูลค่าลดลง17%เทียบปีก่อน

'สมคิด' สั่งบีโอไอเปิดเกมรุกต้อนรับนักลงทุนย้ายฐานการผลิตมาไทยหนีผลกระทบสงครามการค้า ตั้งทีมเฉพาะกิจเจาะรายบริษัทชักจูงลงทุน ขณะที่ขอยื่นลงทุน6เดือน2.32 แสนล้าน มูลค่าลดลง17%เทียบปีก่อน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้กับสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนในต่างประเทศ 16 แห่ง ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า ได้สั่งการให้บีโอไอ จัดทำแพคเกจส่งเสริมการลงทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตจากผลกระทบสงครามการค้า ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู) เนื่องจากขณะนี้ไทยในสายตานักลงทุนทั่วโลกเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของกลุ่ม CLMV แม้ว่าการเมืองไทยจะไม่นิ่ง แต่ด้วยศักยภาพความพร้อมหลายด้านสามารถใช้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าเชื่อมกับประเทศอื่นๆได้

"บีโอไอต้องทำงานเชิงรุก เป็นทัพหน้า มองกลุ่มประเทศเป้าหมายให้ชัดเจน ดังนั้นการทำแพคเกจดึงการลงทุนแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน เพราะมีความต้องการต่างกัน สิ่งสำคัญไทยมีความพร้อมในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ต้องรู้จักใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ อยากให้บีโอไอกล้าคิดกล้าทำ ใช้โอกาสของภาวะสงครามการค้า ที่นักลงทุนกำลังต้องการย้านฐานการผลิตให้มาที่ไทย "นายสมคิดกล่าว

ทั้งนี้ล่าสุดได้หารือกับผู้บริหารของหัวเว่ย ของจีน ซึ่งได้แจ้งว่าประธานใหญ่ของหัวเว่ยจะเดินทางมาไทยในเดือนพ.ย.นี้ซึ่งจะเป็นบริษัทแรกๆที่จะเข้ามาทดสอบ 5 G ในไทย ขณะที่ไทยมีแผนจะส่งเสริมให้เกิดระบบ 5G ในปี 2563 ดังนั้นหัวเว่ยจึงขอให้ช่วยเร่งศึกษาเรื่องต่างๆรองรับให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า แพคเกจกระตุ้นการลงทุนครั้งนี้  คาดจะสามารถเสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้เร็วสุดในวันที่ 30 ส.ค.นี้ โดยบีโอไอจะตั้งทีมพิเศษจากส่วนกลางและสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อเข้าพบหารือรายบริษัทถึงผลกระทบที่ได้รับจากปัญหาสงครามการค้า และชักจูงให้ย้ายการผลิตมาไทย

ด้าน น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า แนวโน้มการย้ายฐานการลงทุนของบริษัทรายใหญ่ที่บีโอไอมีรายชื่ออยู่ ในแผนเบื้องต้นประมาณ 100 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน อย่างไรก็ตามเป้าหมายการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนในปี 2562 อยู่ที่ 750,000ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี (ม.ค.-มิ.ย.) มีการขอรับส่งเสริมการลงทุน 758 โครงการ มูลค่าลงทุน 232,610 ล้านบาทลดลง 17% เทียบกับปีก่อน ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) มีมูลค่าลงทุนรวม 147,169 ล้านบาท มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 109% โดยญี่ป่นยังเป็นนักลงทุนอันดับ1 คิดเป็น 29% ของมูลค่าลงทุนFDI ทั้งหมด