ค้าปลีกเมียนมาสดใสSMEเร่งไทยรุกเจาะตลาด

แบงก์กสิกรไทยแนะค้าปลีกไทยบุกตลาดพม่า ผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะ 90% ใช้สมาร์ทโฟน

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร ผู้บริหารสายงานบริหารกลยุทธ์และวิเคราะห์ข้อมูล ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การเติบโตของเศรษฐกิจเมียนมานับว่าน่าจับตาที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียนด้วยอัตรา 5.9% ในปี 2561 ทำให้รายได้ประชากรในประเทศเพิ่มขึ้นล่าสุดอยู่ที่ 1,354 ดอลลาร์สหรัฐฯ/คน/ปี ช่วยเปิดโอกาสให้ความต้องการบริโภคสินค้ามีเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่ก็ต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าทั้งปัจจัยการผลิตและสินค้าอุปโภคบริโภคจากต่างประเทศอยู่แล้ว จึงถือเป็นโอกาสที่สินค้าไทยจะเข้าทำตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกของเมียนมาเพิ่มมากขึ้น

สำหรับสินค้าไทยมีจุดเด่นที่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมจึงเป็นที่ยอมรับจากชาวเมียนมา โดยสินค้าไทยส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในร้านค้าปลีกดั้งเดิม เพราะสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวเมียนมาที่ยังมีรายได้ค่อนข้างน้อย และส่วนใหญ่เป็นร้านขนาดเล็กที่เข้าถึงประชากรทั่วประเทศที่ใช้จ่ายเพื่อสินค้าในชีวิตประจำวันเป็นหลัก

ทั้งนี้ สินค้าไทยที่ทำตลาดได้ดีในปัจจุบัน ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องเทศและสมุนไพร อุปกรณ์โทรศัพท์ เครื่องสำอาง ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และรองเท้าแตะ เป็นต้น

ปัจจุบันการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในเมียนมาเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการควรใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์สินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะร้านค้าปลีกรายใหญ่ในเมียนมาก็ใช้สื่อโซเชียลผ่าน Facebook ในการทำตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นช่องทางนี้มีโอกาสเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพราะชาวเมียนมาส่วนใหญ่เป็นประชากรคนรุ่นใหม่มีอายุเฉลี่ยค่อนข้างน้อยที่ 29 ปี ซึ่งเปิดรับวัฒนธรรมต่างชาติและเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อยู่แล้ว โดยมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึง 99% อีกทั้งประชากรกว่า 90% มีสมาร์ทโฟนใช้แล้ว

เมียนมาถือเป็นอีกตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้าม สำหรับการต่อยอดทำตลาดสินค้าไทยจากเดิมเพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่ง SME ไทยควรหาตัวแทนนำสินค้าไทยไปจำหน่ายยังเมียนมาเพื่อเป็นตัวช่วยลดขั้นตอนความยุ่งยากและลดภาระต้นทุนด้านต่างๆ ทั้งการผ่านแดน การขนส่ง และการจัดจำหน่าย ซึ่งตัวแทนดังกล่าวมักมีเครือข่ายการขนส่งและกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคได้แทบทุกกลุ่มครับ