posttoday

"เอสซีจี"ลั่นโตกว่าอาเซียนพัฒนาโซลูชั่นเสริมแกร่งสินค้าและบริการ

19 กุมภาพันธ์ 2562

"เอสซีจี" ขยายลงทุนต่างประเทศ พัฒนาโซลูชั่นเสริมแกร่งสินค้าและบริการ ตั้งเป้าเติบโตมั่นคงยั่งยืนกว่าจีดีพีอาเซียนขยายตัว

"เอสซีจี" ขยายลงทุนต่างประเทศ พัฒนาโซลูชั่นเสริมแกร่งสินค้าและบริการ ตั้งเป้าเติบโตมั่นคงยั่งยืนกว่าจีดีพีอาเซียนขยายตัว

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือเอสซีจี เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทยังเดินหน้าลงทุนในธุรกิจทั้ง 3 กลุ่ม คือ ธุรกิจเคมิคอลส์ ธุรกิจซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจบรรจุภัณฑ์หรือแพ็กเกจจิ้ง เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงท่ามกลางความไม่แน่นอน ความท้าทายและการแข่งขันในอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าเติบโตมากกว่าจีดีพีของอาเซียนที่โตเฉลี่ยปีละ 5-5.5% ส่วนภาพรวมของบริษัทจะเติบโตอยู่ที่ราว 5% ซึ่งปีนี้จะมีแผนลงทุนราว 6 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนในต่างประเทศประมาณ 70% ของงบลงทุน

สำหรับปีนี้จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวน และเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ยังเป็นปัจจัยที่มีผลต่อภาพรวมการดำเนินงานของเอสซีจี ดังนั้นทางกลุ่มยังคงเน้นการพัฒนาสินค้าควบคู่กับการให้บริการ รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยจะลงทุนเรื่องของอินโนเวชั่น เทคโนโลยีชั้นสูง นวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งปีนี้เอสซีจีจะมุ่งเน้นการส่งมอบโซลูชั่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบเบ็ดเสร็จในทุกกลุ่มธุรกิจ

ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินงานจะมีทั้งลงทุนเอง การร่วมกับพันธมิตร และการต่อยอดจากเทคโนโลยีจากภายในองค์กร ซึ่งใช้งบลงทุนด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 4,000 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของยอดขายรวม พร้อมตั้งเป้ารายได้ในกลุ่มโซลูชั่นทั้งกลุ่มเป็น 5-10% ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ ปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 1-3% ของพอร์ตรวม

นอกจากนั้น เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจในระยะยาว เอสซีจีจะยังเดินหน้าขยายโอกาสส่งออกนวัตกรรมสินค้าและบริการ ตามทิศทางตลาดโลกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้ในอนาคต ทั้งตลาดอาเซียนที่ขยายตัวต่อเนื่อง ตลอดจนตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและเติบโตรวดเร็ว เช่น การส่งออกสินค้าเคมีภัณฑ์ไปยังตลาดจีน อินเดีย และการรุกธุรกิจค้าปลีกและโลจิสติกส์ในภูมิภาคต่างๆ ด้วย

“ทางกลุ่มเอสซีจียังมองโอกาสจากแนวโน้มการเติบโตของประเทศในภูมิภาคอาเซียน ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม อินโดนีเซีย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดฐานใหญ่ทั้งนี้หากแผนการลงทุนโครงการเป็นไปตามเป้า ก็จะทำให้สัดส่วนรายได้รวมจากต่างประเทศเพิ่มเป็น 60% จากขณะนี้มีสัดส่วนที่ 45-55%” นายรุ่งโรจน์ กล่าว

ด้านกลยุทธ์ปีนี้ เอสซีจียังคงเน้น 2 กลยุทธ์หลัก คือ การสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้แข็งแกร่ง เพื่อรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติมโดยใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างระมัดระวัง ซึ่งไม่ใช่การเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงิน

ขณะที่อีกกลยุทธ์ คือ การบริหารจัดการ ซึ่งปีนี้นอกจากเรื่องโซลูชั่น โมเดลธุรกิจใหม่ที่ใช้ดิจิทัล เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว ยังขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น ธุรกิจซีเมนต์ฯ เช่น โซลูชั่นการก่อสร้างที่ผนวกความเชี่ยวชาญด้านการผลิตสินค้าคุณภาพสูง พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยมาพัฒนาเป็น 9 โซลูชั่นหลัก เช่น ไลฟ์ไทม์โซลูชั่นที่ให้บริการสำรวจความเสียหายโครงสร้างอาคาร ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้ทันความเปลี่ยนแปลง