posttoday

ฟื้นชีพ'วุฒิศักดิ์' ทวงแชมป์คลินิกความงาม

07 กุมภาพันธ์ 2562

ธุรกิจทางด้านความงามยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้เห็นการ กลับมาบุกตลาดครั้งใหญ่ของวุฒิศักดิ์คลินิก

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจทางด้านความงามยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา งานนี้จึงได้เห็นการ กลับมาบุกตลาดครั้งใหญ่ของวุฒิศักดิ์คลินิก นำโดย กวิน สัณฑกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วุฒิศักดิ์ ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง ที่มีบริษัท อีฟอร์แอล ของกลุ่มวิชัย ทองแตง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้เข้ามาปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่

"วุฒิศักดิ์ประสบปัญหาเรื่องมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารหลายครั้ง ทำให้ไม่มีการดูแลธุรกิจอย่างใกล้ชิด ธุรกิจจึงอยู่ในสภาพนิ่งมานาน 5 ปี จากก่อนหน้านี้เป็นผู้นำในตลาด ในขณะที่คู่แข่งก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และเพื่อเรียกลูกค้ากลับคืนมาและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของการทำธุรกิจโดยไม่ได้เน้นแค่การทำคลินิกเสริมความงามอย่างเดียว แต่ขยายไปยังบริการด้านความงามด้านอื่นด้วย" กวิน กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจใหม่นั้นจะขยายในหลายด้าน ประกอบด้วย ไฮเอนด์ พลาสติก เซอร์เจอรี่, เมดิคัล แฮร์ซาลอน, วุฒิศักดิ์คลินิก, บิวตี้ เซ็นเตอร์, ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง, อาหารเสริมและวุฒิศักดิ์อะคาเดมี่ ใช้เงินลงทุนรวมในปีนี้ 350 ล้านบาท โดยวุฒิศักดิ์เตรียมเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลและคลินิกศัลยกรรมระดับแนวหน้า ของเกาหลีใต้ ในการร่วมทุนสร้าง คลินิกศัลยกรรมในเมืองไทยภายใต้ชื่อ วุฒิศักดิ์ เพื่อช่วยยกระดับให้วุฒิศักดิ์เป็นธุรกิจด้านความงามที่ครบวงจร ซึ่งการจับมือเป็นพันธมิตรกับเกาหลี จะทำให้การพัฒนาธุรกิจศัลยกรรมของวุฒิศักดิ์รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งรูปแบบของคลินิกศัลยกรรมที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ใช้เงินลงทุน 150 ล้านบาท จะเปิดให้บริการปลายปีนี้

พร้อมกันนี้จะก่อตั้ง เมดิคัล แฮร์ซาลอน ที่รวบรวมทั้งบริการรักษาซึ่งเน้นเรื่องการปลูกผมและบริการด้านความงามแบบบิวตี้ ซาลอน โดยจะเปิดให้บริการต้นไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งใช้เงินลงทุนสาขาละ 3-5 ล้านบาท โดยจะเปิดสาขาหลักที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หลังจาก ปีที่ 3 จะขยายแค่ซาลอนอย่างเดียว

วุฒิศักดิ์คลินิกปัจจุบันมี 19 สาขาที่ลงทุนเอง และ 44 สาขาแฟรนไชส์ ที่เริ่มต้นธุรกิจจากการเปิดคลินิก จึงต้องการที่จะคงจุดแข็งนี้ไว้พร้อมกับต่อยอดให้เป็นคลินิกระดับพรีเมียม ในบางสาขา และขยายจำนวนสาขาให้ได้เป็น 25 แห่งภายใน 3 ปี โดยจะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอสเมติกส์ในแต่ละสาขา รวมถึงบางสาขาอาจมีการให้บริการด้านศัลยกรรมความงามขนาดเล็กควบคู่ไปด้วย

นอกจากนี้ มีแผนจะเปิดบิวตี้ เซ็นเตอร์ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย และลูกค้าบางส่วนที่ต้องการจะทำสวยโดยไม่ต้องพึ่งคลินิก เช่น ทำหน้าวีโดยไม่ใช้เครื่องมือแพทย์ การนวดหน้า การทำทรีตเมนต์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีช่องว่างของตลาด ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจบิวตี้ เซ็นเตอร์ ซึ่งใช้การลงทุนน้อยกว่า มีกฎควบคุมน้อยกว่าคลินิก เบื้องต้นวางแผนเปิด 5 สาขาและขยายเป็นทั้งหมด 20 สาขา ภายใน 3 ปี รวมไปถึงมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ความงามที่ล่าสุดบริษัทได้ซื้อกิจการแบรนด์ Snail8 รวมถึงมีแผนจะขยายไลน์ธุรกิจทางด้านอาหารเสริม  โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีรายได้ 500 ล้านบาท และใน 5 ปีข้างหน้า รายได้จะไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้สูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อปี 2556