230เอสเอ็มอีจ้องระดมทุนขยายกิจการรับเศรษฐกิจฟื้น

230 บริษัทเอสเอ็มอี เตรียมนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ หวังระดมเงินขยายธุรกิจรับเศรษฐกิจฟื้น

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้ช่วย ผู้จัดการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่มีมูลค่าตลาดรวม 500-1,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตสูง สนใจเข้าระดมทุนด้วยวิธีการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) 230 บริษัท เพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจ หลังจากเห็นสัญญาณเศรษฐกิจของไทยมีการ ฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปัจจุบันทำให้มีความมั่นใจ การบริโภคภายในประเทศเริ่มดีขึ้นการลงทุนภาครัฐค่อนข้างดี ขณะที่การเมืองเริ่มเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ในจำนวน 230 บริษัท มี 84 บริษัท แต่งตั้งที่ปรึกษาทางด้านการเงิน (เอฟเอ) และยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือไฟลิ่ง เพื่อทยอยเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ ในปี 2562-2564 อีก 70 บริษัท แต่งตั้งเอฟเอแล้วแต่ยังไม่ได้ระบุปีที่จะเข้าจดทะเบียน ส่วนที่เหลือแสดงความสนใจแต่ยังไม่ได้แต่งตั้งเอฟเอ

“ตอนนี้มี 230 บริษัท อาจจะไม่เข้าระดมทุนทั้งหมด เพราะอาจจะมีบางบริษัทที่มองว่าค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านเอฟเอ ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายใน มีการขึ้นค่าธรรมเนียมอย่างมีนัยสำคัญ และบางบริษัทอาจจะท้อแท้กับการทำตามกฎระเบียบ” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัท 230 แห่งนี้ยังไม่รวมบริษัทที่ได้สิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีก 1 เท่าตัวหากเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ เช่น เคยได้รับสิทธิที่ 50 ล้านบาท ถ้ามาจดทะเบียนจะได้เพิ่มเป็น 100 ล้านบาท ซึ่งจะหมดสิทธิภายในปี 2563 ขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ กำลังเดินสายประชาสัมพันธ์ร่วมกับทางบีโอไอ โดยกลุ่มธุรกิจเกษตรและกลุ่มสตาร์ทอัพจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนเพิ่ม แต่ธุรกิจอื่นๆ จะได้สิทธินี้

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท (SUN) กล่าวว่า บริษัทได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไออยู่แล้ว การตัดสินใจเข้าซื้อขายในตลาดเอ็ม เอ ไอ เมื่อปลายปี 2560 เป็นรายแรกที่ได้รับสิทธิภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านภาษี ทำให้มีเงินเหลือในการนำไปขยายธุรกิจ การเข้าระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป ทำให้ไม่ต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินที่ต้องมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง และเอสเอ็มอี อาจจะเข้าไม่ถึงตลาดเงินเหมือนรายใหญ่ จึงคิดว่าช่วงนี้ควรจะเร่งเข้ามา เพราะนอกจากจะได้เงินทุนต้นทุนต่ำ ยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย

ล่าสุด วันที่ 1 ต.ค. 2561 บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) ทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร เข้าซื้อขายวันแรก ปิดที่ 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 19.23% จากราคาเสนอขาย 1.30 บาท ส่วนอีก 5 บริษัทที่เข้าตลาด เอ็ม เอ ไอ ในปี 2561 ประกอบด้วย บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) เข้าซื้อขายเดือน ก.ย. ราคาเสนอขาย 1.48 บาท วานนี้ปิดที่ 1.96 บาท บริษัท เอ็ม วิชั่น (MVP) เข้าซื้อขายเดือน ส.ค. ราคาเสนอขาย 1.90 บาท ปิดวานนี้ที่ 3.18 บาท บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เข้าซื้อขายเดือน มิ.ย. ราคาเสนอขาย 9.30 บาท ปิดวานนี้ที่ 15.10 บาท บริษัท ชโย กรุ๊ป (CHAYO) ซื้อขายเดือน มี.ค. ราคาขาย 2.88 บาท ปิดวานนี้ที่ 5.60 บาท บริษัท เอเชีย ไบโอแมส (ABM) ซื้อขายเดือน ก.พ. ราคาขาย 1.80  บาท  ปิดวานนี้ที่ 1.11  บาท