posttoday

เทรนด์โลกปีระกา แนบชิดเทคโนโลยี

24 ธันวาคม 2559

เทรนด์ของโลกปี 2560 เทคโนโลยียังมาแรง แต่เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำลึกขึ้น ซึมซับเข้าไปในสายเลือดของมนุษย์

โดย...กองบรรณาธิการ

เทรนด์ของโลกปี 2560 เทคโนโลยียังมาแรง แต่เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำลึกขึ้น ซึมซับเข้าไปในสายเลือดของมนุษย์ นอกจากจะมีการใช้งานเพิ่มแล้ว ความลึกซึ้งในการใช้งานก็เพิ่มขึ้นด้วย และซึมลึกไปแทบทุกวงการ ดังนั้นต้องระมัดระวังในการใช้เทคโนโลยี ระวังจะเป็นดาบสองคม

ข้อมูลของสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) พบว่าปี 2559 คนไทยมีจำนวน 68.1 ล้านคน โดยในจำนวนนี้มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตถึง 38 ล้านคน และใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก 41 ล้านคน ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าสื่อไร้สายยุคนี้มีบทบาทสำคัญต่อคนไทยจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเสมือนปัจจัย 5

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2560 การใช้สื่อออนไลน์จะพุ่งมากขึ้น โดยไอดีซี ประเทศไทย ระบุว่า การลงทุนด้านไอทีของประเทศไทยในปีนี้ยังเติบโต โดยในปี 2559 อยู่ที่ 3.9% คิดเป็น 4 แสนล้านบาท คาดว่าในปี 2560 จะเติบโตอีกราว 3.7% คิดเป็น 4.1 แสนล้านบาท สอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลและไทยแลนด์ 4.0 ที่ภาคธุรกิจต่างๆ อาทิ สถาบันการเงิน และบริการด้านสุขภาพ จะเน้นการลงทุนด้านไอทีมากขึ้น

ข้อมูลอีกด้านระบุว่า ภายในปี 2560-2561 ประเทศไทยจะมีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์แรกเป็นจำนวน 50 ล้านคน คิดเป็น 73% ของประชากรทั้งหมด

สำหรับผู้บริโภคประชาชนทั่วไป มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า คนไทยใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงในปี 2560 แอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมมากยังคงอยู่ในกลุ่มเดิม คือ เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ยูทูบ และเชื่อว่ากระแสความนิยมโปรแกรมเหล่านี้จะมีเพิ่มขึ้นยาวยิ่งขึ้น

หนุ่มสาวจะนิยมใช้เฟซบุ๊กเป็นหลัก ขณะที่เยาวชนวัยรุ่นจะเลือกใช้แอพพลิเคชั่น เช่น ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ส่วนวัยทำงานและผู้สูงอายุนิยมใช้โปรแกรมไลน์ โดยภาพรวมการใช้สื่อต่างๆ ในแต่ละช่วงวัยในปี 2560 ยังคงไม่แตกต่างจากเดิมมาก นอกเสียจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะพัฒนาระบบให้ใช้งานง่ายขึ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุจะสนใจหันมาทดลองโปรแกรมใหม่มากขึ้น

โปรแกรมใหม่ในปี 2559 ที่ได้รับความนิยมอย่างการถ่ายทอดสดเฟซบุ๊ก (ไลฟ์) และพ็อดคาสท์ Podcast ซึ่งเป็นโปรแกรมวิทยุสื่อสารที่ใช้ผ่านโซเชียลมีเดีย ในปี 2560 ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ และอาจถูกพัฒนาให้เสมือนจริงมากขึ้น พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับสื่อดั้งเดิมประเภททีวี วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ มากขึ้น เพื่อทำให้เกิดกระบวนการมีสวนร่วมของผู้เสพสื่อกับโซเชียลมีเดีย จะยิ่งเป็นการกระตุ้นทำให้เกิดการใช้จ่ายผ่านสื่อนี้มากขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ต้องระวังการใช้สื่อประเภทนี้เช่นกันเพราะมีทั้งผลบวกและลบ โดยด้านบวกทำให้มีการดำเนินธุรกรรม ขายสินค้า โฆษณาง่ายมากขึ้น และทำให้ผู้สูงอายุสามารถติดต่อสื่อสารกับครอบครัวและสังคมได้ แต่ส่วนที่เป็นกังวลคือบนโซเชียลมีเดียก็มีปัญหาอาชญากรรม หลอกลวง โจรกรรมข้อมูล สร้างข้อมูลเท็จ และการคุกคามทางไซเบอร์เกิดขึ้น

“ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่บนโซเชียลมีเดียหลายข้อมูลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นผู้ใช้ต้องระมัดระวังและคำนึงเสมอว่าข้อมูลที่รวดเร็วเหล่านั้นขาดการตรวจสอบ ไม่ควรหลงเชื่อโดยทันที แต่ควรตรวจสอบที่มาความถูกต้องให้ละเอียดเสียก่อน นอกจากนี้ไม่ควรกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไปเพราะข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกนำไปสร้างตัวตนใหม่หรือใช้ประโยชน์ทางอื่น”

ขณะที่กลุ่มเด็กเยาวชนที่ปัจจุบันพบปัญหาจากการใช้สื่อเพิ่มขึ้น ทางสถาบันระบบการศึกษาและครอบครัวจะต้องสอนให้เยาวชนรู้จักพร้อมระวังการใช้สื่ออย่างเท่าทัน ไม่ใช่สอนเพียงการใช้งานอย่างเดียว เพราะแอพพลิเคชั่นเหล่านี้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่

เทรนด์โลกปีระกา แนบชิดเทคโนโลยี

 

จับตาค้าปลีกยุค 4.0

พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าปลีกต้องหันมาปรับตัว เพื่อตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคให้ทัน ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น จะเห็นได้ว่าปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกไม่ได้ทำการตลาดแค่ในส่วนของออฟไลน์หรือหน้าร้านเท่านั้น แต่มีการเพิ่มช่องทางเข้ามาในส่วนของออนไลน์เข้ามาทำตลาดควบคู่ไปกับช่องทางออฟไลน์ด้วย

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นถือเป็นส่วนหนึ่งของการที่ธุรกิจค้าปลีกจะก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 นั่นก็คือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำการตลาด จะเห็นได้ว่าปัจจุบันห้างค้าปลีกไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือคอนวีเนี่ยนสโตร์ ต่างมีเว็บไซต์หรือแอพลิเคชั่นเข้ามาช่วยในการทำการตลาดและสื่อสารกับผู้บริโภคทั้งสิ้น เนื่องจากปัจจุบันมือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภคไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน ซิสโก้ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล (ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น) ทำให้ทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัวเพื่อรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งธุรกิจค้าปลีก (รีเทล) ก็ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงสู่ยุครีเทล 4.0 รองจากอุตสาหกรรมไอที อุตสาหกรรมสื่อและความบันเทิง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงสู่รูปแบบการใช้งานผ่านมือถือมากขึ้น

ข้อมูลจากการ์ทเนอร์ ระบุว่า 80% ของผู้บริโภคในปัจจุบัน เลือกเข้าถึงข่าวสารและสื่อสารกับแบรนด์ต่างๆ ผ่านมือถือมากขึ้น โดยสถิติในปีนี้ระบุว่า 66% ของผู้บริโภค พร้อมเปลี่ยนแบรนด์ทันทีหากรู้สึกไม่ได้รับความสะดวกในการใช้งาน ทำให้แบรนด์จำเป็นต้องสร้างและเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดี และมีการคาดเดาได้ว่าผู้บริโภคต้องการบริการอะไรในอนาคต แสดงถึงความแตกต่างในการนำฐานข้อมูลมาวิเคราะห์ โดยในปี 2555 พบว่ามีองค์กรเพียง 36% ที่ระบุว่ามีการนำฐานข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการอย่างตรงใจ ส่งผลให้ปีนี้สัดส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเป็น 89%

ขณะที่ ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ปัจจุบันตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยถูกขับเคลื่อนโดยภาคธุรกิจค้าปลีกประมาณ 15% และจากการขยายตัวดังกล่าวของภาคธุรกิจค้าปลีกส่งผลให้มีการใช้แรงงานภายในธุรกิจสูงกว่าภาคอุตสาหกรรม แต่การใช้แรงงานที่สูงกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าภาคธุรกิจค้าปลีกจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ดีกว่า เพราะหากดูตัวเลขของภาคอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจถือว่ายังมีช่องว่างระหว่างกันค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศคิดเป็น 39% ของจีดีพีประเทศ

ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างธุรกิจค้าปลีกและภาคอุตสาหกรรม ทำให้ยังมองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของตัวผู้ประกอบการและภาคแรงงาน เนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกนับจากนี้จะไม่ได้มองแค่การทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งมีประชากรเพียง 65 ล้านคนเท่านั้น แต่มองโอกาสถึงการขยายธุรกิจไปในตลาดภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคนด้วย

สำหรับกลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกของไทยประสบความสำเร็จในภูมิภาคอาเซียน คือ กลยุทธ์ค้าปลีก 4.0 ซึ่งจะเน้นการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.อินโนเวชั่น 2.เทคโนโลยี และ 3.โนว์เลดจ์ เพราะสิ่งดังกล่าวจะให้ธุรกิจค้าปลีกของไทยพัฒนาและขยายตัวไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ฉัตรชัย กล่าวต่อว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจค้าปลีกนับจากนี้ จะต้องมีความเข้าใจและรู้เท่าทันเทคโนโลยี ขณะเดียวกันก็ต้องมีการปรับตัว ปรับความคิดว่าเทคโนโลยีคืออะไร และจะนำมาปรับใช้อย่างไร สิ่งดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานในธุรกิจค้าปลีกต้องนำมาปรับใช้และปรับตัว

แม้ว่าปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยจะยังไม่ชินกับการใช้จ่ายซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากนัก แต่หลังจากผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกมีการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำธุรกรรมทางการเงินให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ในอนาคตธุรกิจช็อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยต้องมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดเหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแน่นอน เพราะการช็อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์มีความสะดวกสบาย แค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสก็ได้ช็อปสินค้าชิ้นนั้นมาไว้ในมือแล้ว

เทรนด์โลกปีระกา แนบชิดเทคโนโลยี

 

พลิกโฉมการเงินไทย

นับตั้งแต่เทคโนโลยียุคดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตของประชากรโลก พฤติกรรมของผู้บริโภคหลายด้านก็เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วขึ้นทำให้การใช้ชีวิตรวดเร็วมากขึ้น ความอดทนน้อยลงสำหรับการรอคอย

ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากจากเทคโนโลยี คือ ธุรกิจการเงิน ที่พลิกโฉมเป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม การชำระเงิน การโอน การจ่าย ถูกบรรจุเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานในสมาร์ทโฟนแทบจะเบ็ดเสร็จ ธนาคารพาณิชย์เกือบทุกแห่งมีบริการโมบายแบงก์กิ้งรองรับการทำธุรกรรมการเงินของลูกค้าซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก จนขณะนี้ธุรกรรมพื้นฐานโอนเงินชำระเงินส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนโมบายแบงก์กิ้งทั้งสิ้น จนทำให้อัตราเติบโตสูงเป็นเท่าตัวในแต่ละปี

ในปี 2560 จะเป็นปีแห่งการพลิกโฉมการเงินอย่างเต็มรูปแบบของประเทศไทย หลังจากสถาบันการเงินได้ผ่านช่วงเวลาพัฒนา เตรียมการ และปรับเปลี่ยนระบบในช่วง 5 ปี มาจนกระทั่งเกิดเป็นนโยบายพัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์) ที่เป็นการประกาศเปลี่ยนประเทศไปสู่สังคมการลดใช้เงินสด (แคชเลสโซไซตี้) อย่างเป็นทางการ ซึ่งพอเหมาะพอเจาะกับช่วงเวลาที่เทคโนโลยีการเงิน (ฟินเทค) กำลังพัฒนาถึงขีดสุด

พร้อมเพย์ เป็นระบบโอนเงินที่จะเห็นและเริ่มใช้ได้ก่อนภายในไตรมาสแรกของปี 2560 ซึ่งเป็นการเปิดให้มีการโอนเงินระหว่างบุคคลกับบุคคล โดยไม่มีเงื่อนไขข้ามธนาคารหรือข้ามเขต ที่ผ่านมาการโอนเงินบนสมาร์ทโฟนง่ายและสะดวกก็จริง แต่ค่าธรรมเนียมในการโอนต่างธนาคารและข้ามเขตแพงเฉลี่ยรายการละ 25-35 บาท จะคุ้มก็ต่อเมื่อโอนในวงเงินที่สูงพอสมควร ส่วนการโอนเงินรายย่อยหลักร้อยไม่คุ้มเท่าใดนัก

พร้อมเพย์เกิดขึ้นเพื่อขจัดข้อจำกัดดังกล่าวและเพิ่มความง่ายด้วยการเลือกเบอร์โทรศัพท์มือถือแทนการใช้เลขที่บัญชีธนาคาร ตามแนวคิดต้นแบบจากเอนี่ไอดี (Any ID) โดยกำหนดค่าธรรมเนียมตามวงเงิน ไม่เกิน 5,000 บาท/รายการ ฟรีค่าธรรมเนียม วงเงิน 5,000-3 หมื่นบาท ค่าธรรมเนียมไม่เกิน 2 บาท/รายการ วงเงิน 3 หมื่น-1 แสนบาท ค่าธรรมเนียมไม่เกิน 5 บาท/รายการ และมากกว่า 1 แสนบาทขึ้นไป ค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาท/รายการ

การชำระเงินค่าสินค้าและบริการผ่านพร้อมเพย์ต้องรอสักพักในการเชื่อมต่อระบบเข้าสู่บัญชีของนิติบุคคล ซึ่งเป็นเฟสที่ 2 ของการพัฒนาระบบพร้อมเพย์ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะโครงสร้างพื้นฐานมีแล้ว รอเพียงระบบที่เชื่อมต่อท่อเข้ากับนิติบุคคลเท่านั้น ซึ่งน่าจะเห็นได้ภายในปี 2560 เช่นกัน

อีดีซี ประเทศไทย จะมีการชำระเงินผ่านบัตรเดบิตในร้านค้าทั่วไปมากขึ้นจากนโยบายการกระจายเครื่องรูดบัตร (อีดีซี) แม้จะเริ่มช้ากว่าแผนแต่ความตั้งใจของรัฐบาลต้องการให้เกิดภายในปี 2560 ให้ได้ เป็นความท้าทายพอสมควร เพราะบัตรพลาสติกกำลังจะล้าสมัย และใช้เงินลงทุนสูงเพื่อซื้อควบติดตั้งระบบอีดีซี ท่ามกลางการชำระเงินแบบโมบายเข้ามาแทนที่ ทว่า ถ้าทำสำเร็จจะพลิกโฉมการใช้บัตรเดบิตให้คุ้มค่ากับการติดชิปการ์ดยิ่งขึ้น จากปัจจุบันบัตรเดบิตถูกใช้เป็นบัตรเอทีเอ็มเป็นหลัก

อี-วอลเล็ต ทยอยเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น แม้จะยังไม่แพร่หลาย แต่เทรนด์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากธุรกิจขนาดใหญ่ที่เจาะลูกค้าตัวเองจูงใจให้ใช้บัตรหรือแอพพลิเคชั่นแทนเงินสด โดยมีสิทธิพิเศษ เช่น สตาร์บัคส์ เป็นต้น แต่จากปี 2560 จะเห็นอี-วอลเล็ตจากธนาคารพาณิชย์เกิดขึ้นหลายธนาคาร เช่น ธนาคารกสิกรไทย มีแผนออก K-Pay และกรุงศรี ก็มีแผนออกอี-วอลเล็ตด้วยเช่นกัน จะเป็นรูปแบบใดต้องติดตาม

ไบโอเมตริกซ์ หรือเทคโนโลยีชีวภาพ ถูกนำมาใช้ในแวดวงการเงินการธนาคารมากขึ้นเพื่อการยืนยันตัวตนของลูกค้าในช่องทางบริการต่างๆ ที่รู้จักกันดี เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา ใบหน้า เสียงพูด โดยเห็นการใช้ไบโอเมตริกซ์จากลายนิ้วมือในโมบายแบงก์กิ้งแล้วในบางธนาคาร สำหรับยืนยันตัวตนเพื่อเปิดใช้แอพพลิเคชั่นแทนการใช้รหัสผ่าน ขณะที่ไบโอเมตริกซ์เสียงพูดนั้น ธนาคารซิตี้แบงก์นำมาใช้เป็นธนาคารแรกในบริการคอลเซ็นเตอร์ และในปี 2560 จะเห็นธนาคารอื่นทยอยใช้ตามมา ส่วนไบโอเมตริกซ์ด้านอื่น หากจะนำมาใช้ต้องมีการทดสอบให้มั่นใจถึงความปลอดภัยก่อน ซึ่งแน่นอนว่าต้องผ่านความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย

กู้เงินผ่านแอพ ในปี 2560 จะเห็นสถาบันการเงินเปิดให้บริการขอสินเชื่อผ่านแอพพลิเคชั่นมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันเป็นหลัก โดยบริการไม่ใช่เพียงการกรอกเอกสารเพื่อยื่นสมัคร แต่สามารถรู้ผลในเวลารวดเร็ว หากได้อนุมัติเงินจะเข้าบัญชีทันที ซึ่งมีบางธนาคารเริ่มทำแล้ว เช่น ซีไอเอ็มบี ไทย ที่มีแอพพลิเคชั่น DSE หรือ Digital Solution Engagement สินเชื่ออนุมัติรวดเร็วด้วยบัตรประชาชนใบเดียว

สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย กระทรวงการคลังจะเริ่มอนุมัติการปล่อยสินเชื่อในโครงการพิโกไฟแนนซ์ ที่จะเข้ามาเสริมให้ธุรกิจรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น หลังจากมีโครงการนาโนไฟแนนซ์ไปแล้ว ซึ่งเป็นนโยบายที่ต้องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูง โดยปล่อยกู้ได้ไม่เกิน 5 หมื่นบาท/ราย ดอกเบี้ย 36%

บริการการเงินที่ไม่ผ่านธนาคาร ในปี 2560 จะเริ่มเห็นบริการการเงินที่ไม่ผ่านสถาบันการเงินมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากกระแสฟินเทคที่บูมขึ้น ทำให้ตัวกลางอย่างแบงก์ถูกตัดออกไป แทนที่ด้วยช่องทางดิจิทัลใหม่ๆ โดย ธปท.เริ่มเปิดทำพื้นที่ทดลองเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ หรือแซนด์บ็อกซ์ พบว่า มีหลายบริการที่น่าสนใจ เช่น การปล่อยกู้ระหว่างบุคคลต่อบุคคล (พีทูพี) จับคู่ระหว่างผู้มีเงินทุน กับผู้ที่ต้องการเงินทุนเข้าด้วยกัน หากทำระบบที่มีความน่าเชื่อถือ ก็น่าจะเห็นบริการนี้ในไม่ช้า

เทรนด์บริการทางการเงินใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เข้ามากำจัดความยุ่งยากของขั้นตอนต่างๆ และค่าธรรมเนียมแพงจากบริการที่เคยถูกกินรวบโดยสถาบันการเงิน ส่วนสถาบันการเงินเองก็พัฒนาบริการของตัวเองใหม่ เพื่อไม่ให้เสียส่วนแบ่งตลาดไป ดังนั้น เชื่อได้เลยว่า คนไทยจะมีรุูปแบบการเงินใหม่ๆ มาให้ทดลองใช้ตลอดปี 2560 แน่นอน

เทรนด์โลกปีระกา แนบชิดเทคโนโลยี

 

ธีมลงทุน “ชีวิตสบายด้วยเทคโนโลยี ชีวิตดีด้วยพลังงานสะอาด”

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง วิเคราะห์ว่า ปี 2560 เทคโนโลยีเป็นเทรนด์ใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทุกประเภทในโลก ที่จะมุ่งเน้นไปที่การทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายน้อยลง นอกจากนี้เทรนด์ของ ESC (Environmental/Social Responsibility/Good Governance) ยังเป็นเทรนด์ใหญ่ที่กำลังมาแรง ดังนั้นในส่วนต่อยอดจากธีมปีก่อนนั้นจึงจะเน้นเรื่องการลงทุนในกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อองค์กร สังคมและสิ่งแวดล้อม และจะคัดสรรการลงทุนในพลังงานสะอาดด้วย ดังนั้นปี 2560 จะเน้นการลงทุนในส่วนต่อยอดไปที่เทคโนโลยีและพลังงานสะอาด

เทรนด์ไอทีปัญญาประดิษฐ์

เทรนด์ไอทีปี 2560 อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างแพร่หลาย เพื่อร่วมกันสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีชีวิตและการตัดสินใจแทนมนุษย์ในการทำงานบางอย่าง ในขณะเดียวกันกลุ่มคนผู้เริ่มเบื่อหน่ายกับเทคโนโลยีที่ดูเหมือนว่าจะทำให้ชีวิตวุ่นวายมากกว่าเดิม ก็เริ่มการย้อนยุคเทคโนโลยีรุ่นเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวาในโลกสมัยใหม่อีกครั้ง และสุดท้ายสินค้าเทคโนโลยีที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องก็คือ สินค้าที่ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานอย่างหนักแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงของคนรุ่นใหม่

เทรนด์โลกปีระกา แนบชิดเทคโนโลยี

 

แข่งขันพัฒนาด้านเอไอ 

(AI-Artificial Intelligence) หรือเอไอ หากยังจำกันได้ เมื่อตอนต้นปี 2559 โปรแกรมดีปไมน์ อัลฟ่าโก (Deepmind-Alpha Go) ของกูเกิล ได้เอาชนะแชมป์โลกในการเล่นเกมโกะ ฟังดูแล้วเราอาจจะคิดว่าก็คงเหมือนๆ กับกับเกมที่เราต้องสู้กับคอมพิวเตอร์ แต่ดีปไมน์เป็นอะไรที่มากกว่านั้น ระบบอัลกอรึทึ่มของดีปไมน์เลียนแบบโครงสร้างสมองของมนุษย์ เพื่อเรียนรู้วิธีการเล่นและพัฒนาได้ทุกเกมที่มีในโลกได้ด้วยตัวเอง โดยโปรแกรมเมอร์ไม่จำเป็นต้องป้อนคำสั่งเลย แตกต่างจากดีปบลู ของบริษัทไอบีเอ็มที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเอาชนะเกมใดเกมหนึ่ง ซึ่งในปี 2560 นี้เหล่าโปรแกรมเมอร์จะเริ่มหันมาให้ความสนใจพัฒนาอัลกอรึทึ่มเอไอแบบนี้มากขึ้น

ปีแห่งการย้อนยุคเทคโนโลยี

เอ็ดดี้ เรย์แมน นักแสดงชายชาวอังกฤษ ตัดสินใจเปลี่ยนการใช้งานไอโฟนไปเป็นโทรศัพท์มือถือธรรมดา เขาให้เหตุผลกับหนังสือพิมพ์ ดิ อินดีเพนเดนต์ ว่า เขาเริ่มรู้สึกต่อต้านการติดไอโฟน เพื่อเช็กอีเมลและข้อความต่างๆ จนเขารู้สึกว่าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองในปัจจุบันเลย การเพิ่มระยะห่างเทคโนโลยีจึงกลายเป็นช่องว่างให้เทคโนโลยีอะนาล็อกยุค 80 เข้ามามีบทบาท ตั้งแต่กระแสความนิยมเครื่องเล่นแผ่นเสียงและยอดขายแผ่นเสียงที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง อย่างที่บริษัท วินนี่ เรกคอร์ด สามารถจำหน่ายแผ่นเสียงได้มากถึง 12 ล้านแผ่น และบริษัท โซนี่ เองก็เปิดตัวเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่ในงานแสดงเทคโนโลยี CES 2016 ในขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือรุ่นปุ่มกดก็ได้รับการดีไซน์ใหม่ให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง อย่างเช่น มือถือจากสวิตเซอร์แลนด์ แบรนด์ พ็องค์ (Punkt) รุ่น MP01 มีดีไซน์ที่สวยงามเรียบง่าย ชาร์จเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้นานหลายสัปดาห์ หรือจะเป็นการประสานรวมระหว่างเครื่องเล่นเกมรุ่นเก่ากับสมาร์ทโฟนอย่าง เครื่องไฮเปอร์คิน สมาร์ท บอย (Hyperkin Smart Boy) ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากเหล่าแฟนเกมบอยรุ่นเก่า และเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบการบังคับผ่านจอทัชสกรีนเป็นอย่างดี

สินค้าเพื่อสุขภาพและความผ่อนคลาย

ผลสืบเนื่องมาจากอารมณ์การย้อนยุคเทคโนโลยีและการเว้นช่องว่างมาใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น เทคโนโลยีที่เข้ามาแก้ไขปัญหาสุขภาพและจิตใจจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างสูง เริ่มจากการพัฒนาเทคโนโลยีแวร์เอเบิล เช่น แหวน นาฬิกาข้อมือ ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว อัตราเต้นหัวใจ ความดัน เพื่อวัดสุขภาพว่าคุณควรจะเริ่มดูแลตัวเอง ล่าสุดนวัตกรรมอย่างมาย ยูวี แพตซ์ ของลอรีอัล ได้พัฒนาสติ๊กเกอร์ที่มีความสามารถในการวัดแสงยูวี และแสดงผลผ่านแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนว่าคุณรับแสงยูวีมากเกินไปหรือเปล่า เพื่อช่วยในการดูแลป้องกันผู้ใช้จากโรคมะเร็งในผิวหนัง แม้กระทั่งพ็อดคาสท์ หรือการฟังวิทยุออนไลน์ ช่อง สลีป วิท มี สำหรับฟังเสียงนับแกะมียอดการดาวน์โหลดฟังสูงถึง 1,300 ล้านครั้งในเวลาเพียง 3 เดือน แสดงให้เห็นว่าผู้คนกำลังเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีมาดูแลตัวเองมากกว่าใช้เวลาหมดไปกับการแชตไปวันๆ

สวมใส่ได้ทุกเพศ เทรนด์แฟชั่น

ในด้านแฟชั่น 2560 มีการสรุปเทรนด์โดย TCDC Demographic Blur ด้วยแนวคิด “Neutral Aesthetics : สุนทรียะที่เป็นกลาง” ทําให้การแต่งกายสุดเรียบง่ายในแบบนอร์มคอร์ (Normcore) และเสื้อผ้าแนวสปอร์ตดูกลางๆ อยู่ในกระแส ตั้งแต่ เสื้อยืด สเวตเตอร์ จนถึงกางเกงยีนส์ เน้นวัสดุเนื้อดี ความเป็นพื้นฐานสีโทนกลาง ทั้งสี รูปแบบ ด้วยผ้าฝ้ายนุ่มสบายที่ทุกคนสวมใส่ได้ คอลเลกชั่น 2017 ให้ความสําคัญกับความธรรมดาสวมใส่ได้ทุกเพศ เรียบง่ายด้วยสีน้ำเงินกรมท่า ส้ม และมะนาว เสื้อผ้าหลายแบรนด์นำเสนอคอลเลกชั่นยูนิเซ็กซ์ “ไม่ใช่ผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ใช่แค่ชุดกีฬา ไม่ใช่สตรีทแวร์ ไม่ใช่แค่ชุดลําลอง มันคือการแต่งกาย และด้านหนึ่งคือการแสดงสัญลักษณ์ประชาธิปไตยบนรันเวย์”

เสื้อผ้าแนวสปอร์ตแวร์เทรนด์ปีที่ผ่านมา ทำให้สไตล์เสื้อผ้ายูนิเซ็กซ์ยังอินต่อเนื่อง สเวตเตอร์ เสื้อฮู้ด เลกกิ้ง นี่คือสิ่งของด้านกีฬาที่กําลังเปิดสู่ประตูบานใหม่ การสวมชุดกระโปรงผู้หญิงเดินบนรันเวย์ในโชว์เสื้อผ้าบุรุษ จึงเป็นเทรนด์สร้างแรงบันดาลใจในคอลเลกชั่นล่าสุด เป็นการใช้ความงามแบบเป็นกลางในการออกแบบ ปรากฏการณ์ยูนิเซ็กซ์ดังกล่าวน่าจะดึงดูดใจกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะคู่แต่งงานที่ใช้ตู้เสื้อผ้าใบเดียวกัน

ส่วนเทรนด์การแต่งหน้า การแต่งหน้าบางเบาโชว์ผิวสวยแบบเมกอัพโนเมกอัพ เพิ่มด้วยกรีดอายไลเนอร์สีน้ำเงินและม่วง คือ เทรนด์ปี 2560 ด้านบนลากหางตวัดบรรจบกันด้านล่างเป็นสีม่วงแปลกตากว่าปีที่ผ่านมา ที่สาวๆ เคยกรีดอายไลเนอร์แค่สีดำ ส่วนทรงผม ปีนี้ผมหน้าม้าเป็นทรงที่อินกับแฟชั่นไม่ว่าจะเป็นม้าเต็ม ม้าเต่อ ม้าปัด ม้าซีทรู ปีใหม่ต้องเปลี่ยนทรงผมม้าแบบไหนก็ทำให้ดูเด็กลงได้ทั้งนั้น

ระวังจะตามโลกไม่ทัน ถ้าไม่รู้จักและศึกษาให้ลึกซึ้งในเทรนด์เหล่านี้