posttoday

กิตติรัตน์แนะสานต่อนโยบายจำนำข้าวช่วยเกษตรกร

12 มกราคม 2558

"กิตติรัตน์" แนะรัฐบาลดูแลค่าเงินบาท สานต่อนโยบายจำนำข้าวช่วยเหลือเกษตรกร

"กิตติรัตน์" แนะรัฐบาลดูแลค่าเงินบาท สานต่อนโยบายจำนำข้าวช่วยเหลือเกษตรกร

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. นายกิตติรัตน์  ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง  กล่าวว่า การที่เศรษฐกิจชะลอตัว การจับจ่ายใช้สอยเริ่มฝืดเคือง เกิดจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก โดยปัจจัยภายในเช่น การระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายของภาคครัวเรือน รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่เลื่อนออกไปเพราะความไม่แน่ใจเรื่องสภาวะเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยภายนอกได้แก่การที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว การส่งออกที่ต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวที่เติบโตติดลบอันเนื่องมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจและคู่ค้าสำคัญและสภาวะทางการเมืองในประเทศ

นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา สิทธิพิเศษทางศุลกากร หรือ จีเอสพี ที่ไทยเคยได้รับนั้นได้หมดอายุลงไป เพราะประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีสถานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น 3 ปีติดต่อกัน จึงเป็นสาเหตุที่รัฐบาลที่แล้วได้เร่งเจรจาข้อตกลงเสรีทางการค้าหรือ FTA กับยุโรป เพื่อจะให้ออกมาทันกับจีเอสพีที่จะหมดอายุลงไป และการเจรจาก็เดินหน้าไปด้วยดีด้วย แต่เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเสียก่อน ก็เลยทำให้การเจรจาสะดุดหยุดลง เพราะอียูได้ประกาศระงับการเจรจาข้อตกลงเสรีทางการค้ากับไทยจนกว่าประเทศจะกลับสู่สภาวะที่เป็นประชาธิปไตย จึงทำให้มีสินค้าหลายรายการจากไทยจะส่งออกไปแข่งขันในตลาดยุโรปได้ยากขึ้น เพราะกำแพงภาษีที่ได้รับการผ่อนผันได้หมดลง และไม่มีเอฟทีเอ มารองรับได้ทัน ตรงนี้ผู้ส่งออกก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากทำใจยอมรับปัญหา

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ภาครัฐน่าจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงเรื่องมาตรการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินบาท ส่วนตัวไม่ได้บอกให้ไปแทรกแซงจนบิดเบือนกลไกตลาด แต่ให้ดูแลให้เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก อีกทั้งในสภาวะนี้ราคาพลังงานในตลาดโลกก็ปรับตัวลงมาก ถ้าหากดูแลค่าเงินให้อ่อนตัวลง นอกจากจะไม่กระทบกับราคาพลังงานเมื่อแปลงมาเป็นบาทมากนัก ก็สามารถช่วยผู้ส่งออกให้ส่งออกได้มากขึ้น

ในขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมการในระดับคณะทำงานภายในประเทศให้เตรียมความพร้อมที่สุด เมื่อสภาวะการเมืองกลับสู่สังคมประชาธิปไตย ก็จะสามารถบรรลุข้อตกลง FTA กับทางยุโรปได้ในทันที  และเพื่อสร้างความมั่นใจ และความชัดเจนในเรื่องของทิศทางเศรษฐกิจ รัฐบาลควรบริหารสภาวะเศรษฐกิจ แบบมีส่วนร่วม เนื่องจากมีความจำเป็นอย่างยิ่ง การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชน รวมทั้งผู้มีรายได้น้อย พี่น้องเกษตร หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาที่มีกว่า 4 ล้านครอบครัว

นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า การดูแลเรื่องสินค้าเกษตรจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่การช่วยเหลือชาวนาหรือเกษตร แต่เป็นการดูแลเศรษฐกิจของประเทศให้มีความยั่งยืนเหมาะสม หากจะมีการนำไปสานต่ออย่างนโยบายจำนำข้าวเปลือก หรือที่พยายามจะเรียกว่า สินเชื่อชะลอการขาย นั้น โดยหลักการและวัตถุประสงค์เหมือนกับนโยบายจำนำข้าว ที่เป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา

"ผมจะขอให้กำลังใจรัฐบาลในการเดินหน้านโยบายนี้ต่อไป และขอยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ดี เพราะมีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือพี่น้องชาวนาไม่ต่างกัน"นายกิตติรัตน์กล่าว

ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ