posttoday

รัฐสภาไฟเขียวความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี

14 มีนาคม 2556

กระทรวงพาณิชย์ เตรียมลงนามเอฟทีเอ ไทย-ชิลี เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน หลังผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา

กระทรวงพาณิชย์ เตรียมลงนามเอฟทีเอ ไทย-ชิลี เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน หลังผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา

นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมลงนามความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสาธารณชิลีเร็วๆ นี้ หลังจากที่ประชุมรัฐสภาครั้งที่ 3 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันอังคารที่ 12 มีนาคม ที่ผ่นมา โดยคาดว่า ความตกลงจะมีผลใช้บังคับไตรมาส 4 ของปีนี้  ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้า โดยการขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยในตลาดสหรัฐและอียู  

“สินค้าจากทั้งสองประเทศ 90% จะลดภาษีลงเป็น 0 ทันทีที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ สำหรับสินค้าที่เหลืออีก 10% ทั้งสองฝ่ายจะลดภาษีลงเป็นลำดับ คาดว่าอุตสาหกรรมของไทยที่จะได้รับประโยชน์ได้แก่ ยานยนต์ ปลาแปรรูป (ปลากระป๋อง) โพลิเมอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ เม็ดพลาสติก ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง และอัญมณี  เป็นต้น ในขณะที่ชิลีจะได้ประโยชน์จากสินค้าเช่น ทองแดง และสินแร่เหล็ก ซึ่งไทยผลิตได้น้อยและมีความต้องการนำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอยู่แล้ว” นางพิรมล กล่าว

นางพิรมล กล่าวว่า  ไม่เฉพาะสินค้าเท่านั้น แต่ชิลีได้เปิดตลาดการบริการให้ไทยเข้าไปลงทุนเกือบทุกสาขาบริการได้ถึง 100% รวมทั้งนักลงทุนชิลีก็ได้แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยกำหนดให้ไทยเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในการเป็นฐานการผลิต การกระจายสินค้าและการตลาดไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นที่ใกล้เคียง เช่นออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ไทยเองก็หวังให้ชิลีเป็นประตูทางการค้าสู่อเมริกาใต้และประเทศอื่นๆที่ชิลีจัดทำ FTA ด้วยในอนาคต

ปัจจุบันชิลีเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 3 ของไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้ รองจากบราซิล  และอาร์เจนตินา  ในปี 2555 ไทยได้ดุลการค้ากับชิลี 278.07 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกไปชิลีเป็นมูลค่า  628.25 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 21.05%) ในขณะที่นำเข้าจากชิลีเป็นมูลค่า 350.18 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง 2.1%) โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปชิลี ได้แก่ รถยนต์/อุปกรณ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ปูนซีเมนต์ เครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์ยาง/พลาสติก อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากชิลี ได้แก่  สินแร่ โลหะ สัตว์น้ำสด/แช่เย็น/แช่แข็งแปรรูป เยื่อกระดาษ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เป็นต้น

การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสาธารณรัฐชิลี (ความตกลงการค้าเสรีไทย – ชิลี) เกิดขึ้นจากการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย  กับประธานาธิบดีของชิลี ระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 11 เมื่อ พ.ศ. 2546 โดยเริ่มมีการเจรจาระหว่างกันในเดือนเมษายน 2554 จนกระทั่งสามารถสรุปผลการเจรจาได้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ในเดือนพฤศจิกายน 2555