posttoday

เพื่ออเมริกา

14 พฤศจิกายน 2559

โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

Great America Again Policy ของทรัมป์ ยังคงส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงทัวโลกปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามความเชื่อมั่นว่านโยบายอันสุดโต่งของ ทรัมป์ จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ดัชนี ดาวโจนส์ พุ่งขึ้นอีกกว่า 1.17% ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 18,800 จุด ส่วน S&P500 ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% โดยกลุ่มหุ้นที่วิ่งนำตลาดส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายของ ทรัมป์ เช่น  กลุ่มพลังงาน ที่จะมีการสนับสนุนการใช้พลังงานฟอสซิล และต้องการที่จะยกเลิกความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม เช่น EPA (Environmental Protection Agency)

กลุ่มหุ้นสุขภาพ จากนโยบายของทรัมป์ที่จะยกเลิกโครงการ Obama Care รวมไปถึงการผ่อนคลายกฎข้อบังคับด้านการกำหนดราคายา ซึ่งตรงกันข้ามกับคลินตันที่มุ่งจะควบคุมราคายา  หุ้นกลุ่มการเงินขึ้นรับความคาดหวังว่า ทรัมป์จะมีมาตรการผ่อนคลายกฎข้อบังคับภาคธนาคาร หรือยกเลิกกฎหมายดอดด์แฟรงค์ (Dodd Frank Law)  และกฎโวล์คเกอร์ (Volker Rule) รวมทั้งจะมีการปรับกฎระเบียบอื่นๆที่ได้บังคับใช้ในช่วงสมัยของปธน.โอบามา ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มก่อสร้าง ตลาดคาดว่าจะได้รับอนิสงค์จากการลงทุนด้านสาธารณูปโภคครั้งใหญ่ที่ทรัมป์ได้หาเสียงไว้

ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ เช่น กลุ่มพลังงานสะอาดปรับร่วงกว่า 1.29% กลุ่มอสังหาฯปรับลงต่อเนื่อง จากความกังวลว่าทรัมป์อาจใช้อำนาจทั้งสองสภาเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจอสังหาของตัวเอง รวมไปถึงความกังวลว่าตลาดอสังหาฯจะชะลอตัวจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นเร็ว

ด้วยนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เน้นการดึงเงินกลับสหรัฐ จะทำให้ ออก US Dollar Index แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องล่าสุดกลับมาที่ 98.878 เงินเยนอ่อนค่าแรง 1.14% ที่สุดในรอบ 4 เดือนที่ 106.8 เยนต่อดอลลาร์ คาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสกุลเงินต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Emerging Market ที่มีความเสี่ยงเรื่อง Fund Flow ไหลออก โดยเงินบาทอ่อนค่าอย่างที่กังวล กว่า 0.77% และอ่อนค่าต่อเนื่องในวันนี้อีกจนล่าสุดมาอยู่ที่ 35.33 บาทต่อดอลลาร์ คาดจะเป็นเหตุให้นักลงทุนต่างประเทศต้องขายทำกำไรในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก ซึ่งจะเป็นอุปสรรคขวางทำให้ SET ขึ้นผ่าน 1,530 จุดได้ยาก อย่างไรก็ตามคาดว่า SET Index จะไม่เกิดการปรัฐฐานรุนแรง ด้วยเพราะยังมีเรื่อง LTF ปลายปีที่คาดว่าจะมีเข้ามากว่า 3 หมื่นล้านบาทเป็นตัวช่วยประคองให้ดัชนีอยู่เหนือ PER 14.5  1,490 จุดได้ 

ตลาดเริ่มเชื่อแล้วว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคดอกเบี้ยขาขึ้นที่เร็วกว่าเดิม จาก US 10Y Bond Yield ที่ขึ้นมา 2 วันติดต่อกันกว่า 29.35 bps สู่จุดสูงสุดของปี 2559 ที่ 2.15% สอดคล้องกับ Fed Fund Futures ให้ความน่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. กว่า 80% ส่งผลให้ TH 10Y Bond Yield ดีดขึ้นมาอย่างที่คาดหวัง โดยเพิ่มขึ้นถึง 13 bps ล่าสุดมาอยู่ที่ 2.3% เป็นบวกต่อ BLA โดยตรง

มอง SET Index จะขาดกำลังขับเคลื่อนจากนักลงทุนต่างประเทศ และยังต้องเผชิญกับการขายทำกำไร Sell on Fact ภายหลังงบออก ทำให้ขึ้นผ่านเป้าหมาย 1,530 จุดได้ยาก ทำให้ยังต้องระมัดระวังการลงทุนในช่วงสั้น   กลยุทธ์การลงทุนแบ่งเป็น 1. เน้นไปที่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ประกัน BLA และธนาคารฯ SCB 2. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า KCE 3. หุ้นรับเหมาฯรับความคืบหน้างานรัฐ CK และ Let Profit Run BA

ภาพ...เอเอฟพี