posttoday

สัญญาณบวกจากยุโรป

03 กุมภาพันธ์ 2559

โดย รัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. แอสเซท พลัส

โดย   รัชต์  โสดสถิตย์   กรรมการผู้จัดการ  บลจ. แอสเซท พลัส

สวัสดีครับ  เพียงแค่เดือนแรกของปีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ระส่ำระสายพอสมควร  ไม่เว้นแม้ในตลาดหุ้นยุโรปซึ่งดัชนี MSCI Europe ปรับตัวลงไป 5.63%   (Bloomberg, 25 ม.ค. 2559) โดยยังมีความกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลก การฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจ  ค่าเงินหยวนอ่อน รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังกดดันตลาดต่อเนื่อง แต่หากลองย้อนไปมองเศรษฐกิจในยุโรปตั้งแต่เริ่มใช้นโยบายผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน (QE) ผมคิดว่าตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปมีพัฒนาการที่น่าสนใจ และทำให้ยุโรปยังคงเป็นภูมิภาคที่น่าลงทุน

ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพคล่องและสถานะทางการเงินที่ช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การขยายตัวของหนี้สินที่สนับสนุนการเติบโตของรายได้ในบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากภายใน  โดยเม็ดเงิน QE ที่อัดฉีดเข้ามาในระบบยังช่วยเพิ่มอุปทานของเงินยูโร ส่งผลให้อุปสงค์ภายในพลอยได้รับการกระตุ้นไปด้วยและส่งผลดีต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคมที่ผ่านมาดีดตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี  ด้านความต้องการบริโภคกลับมาคึกคักและดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจก็เพิ่มขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคขั้นพื้นฐาน (Core CPI) เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา อัตราการว่างงานลดลง และเหนือสิ่งอื่นใดคือเศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างชัดเจน

ในด้านมาตรการ QE ผมเชื่อว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) น่าจะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่องอีก และน่าจะมีนโยบายเพิ่มเติมอีกในการประชุมรอบถัดไปที่จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้  ส่วนหนึ่งเพื่อลดความกังวลหากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานจะส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการ รวมถึงจะดันอัตราค่าจ้างให้หดตัวลงและจะทำให้อัตราเงินเฟ้อของยุโรปไปถึงเป้าหมายที่ 2% ล่าช้าลง

และหากจะลองหันไปดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปจากการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ  ตลาดคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตขึ้น 49% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  ทั้งยังมองว่าบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากภายในและมุ่งเน้นไปภาคเศรษฐกิจจริงจะเป็นกลุ่มสำคัญที่กระตุ้นการเติบโตของตลาดหุ้นยุโรป  ท่ามกลางภาวะความผันผวนเศรษฐกิจโลกและการชะลอตัวลงในเศรษฐกิจจีน หากมองกันในเชิงระดับราคาหุ้น(Valuation) แล้ว  ตลาดยุโรปก็ยังคงมีความน่าสนใจสูง เนื่องจากปัจจุบันมี P/E  อยู่ที่ 21.39 เท่า ขณะที่คาดการณ์Forward P/E อยู่ที่ 14.3  และให้ปันผลที่ 3.82% (ที่มา: Bloomberg, 25 ม.ค. 2559)

ผมมองว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ตลอดจนค่าเงินที่อ่อนค่าลงจะยังคงช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นยุโรปเติบโตต่อไป  และจะยังเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีให้กับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงสูงจากตลาดหุ้นในต่างประเทศได้  โดยท่านที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป อาจเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศที่เน้นการลงทุนในภูมิภาคยุโรป ภายใต้การบริหารของผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในด้าน “กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัว” ซึ่งเป็นสไตล์การลงทุนที่ช่วยสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากตลาดหุ้นยุโรปแม้ในสภาวะที่ตลาดอาจต้องเผชิญความผันผวนครับ

ผู้ลงทุนโปรด "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน"