posttoday

รับมือโควิด-19 ชายแดน...เอาอยู่ไหม

14 ธันวาคม 2563

คอลัมน์ เศรษฐกิจรอบทิศ

ช่วงหลังการ์ดตกจากความเคยชินอยู่ร่วมกับโควิดมาค่อนปีทำให้ไทยซึ่งเป็นตัวอย่างประเทศที่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสติดอันดับโลกพบการติดเชื้อในเชิงปริมาณที่สูงขึ้น นายกรัฐมนตรีออกมาชี้แจงผ่านแอพพลิเคชั่นว่ารัฐบาลเอาอยู่แน่นอนสั่งการให้สร้างเครื่องกีดขวางแนวตะเข็บชายแดน โดยเฉพาะที่ติดต่อกับประเทศเมียนมาร์มีมาตรการเข้มตั้งจุดสกัดคุมคนเข้า-ออก ประเด็นคือประเทศไทยมีถึง 7 จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับเมียนมาร์  มีด่านถาวร 5 แห่งและด่านผ่อนปรนอีก 15 แห่ง ที่ผ่านมามีการเฝ้าระวังอยู่แล้วเพราะเมียนมาร์มีการติดเชื้อสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะด่านใหญ่ เช่น ที่จังหวัดเมียวดีติดต่อกับอำเภอแม่สอดและท่าขี้เหล็กติดต่อกับอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายซึ่งกลายเป็นพื้นที่สีแดง

ขอเจาะลึกประเทศเมียนมาร์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และคนของเขากลัวโควิดมาก-น้อยเพียงใด จากการพูดคุย (ทางโทรศัพท์) กับคนเมียนมาร์ในช่วงแรกคนเมียนมาร์ไม่มีความรู้สึกกลัวการรับรู้ส่วนใหญ่ผ่านทางสื่อไทยซึ่งรัฐบาลเขาให้ระวังการติดต่อรับเชื้อกับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน เช่น ไทย จีน เกาหลี โดยมีมาตรการเฝ้าระวังและให้ประชาชนสวมหน้ากากไม่ไปในที่ชุมชน ต่อมาการระบาดเริ่มรุนแรงจึงมีการล็อกดาวน์เดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคมห้ามประชาชนออกจากบ้านในช่วงกลางคืนปิดสถานบริการ-ร้านอาหาร

พอถึงช่วงปลายสิงหาคมมีการแพร่ระบาดข้ามมาจากฝั่งอินเดียและบังกลาเทศโดยระบุว่าเกิดจากการลักลอบเข้าเมืองของชาวโรฮิงญาเข้ามาทางรัฐยะไข่และแพร่เชื้อกระจายลงมาทางใต้จนถึงย่างกุ้ง รัฐบาลมีการล็อกดาวน์   รอบสองระหว่างเวลา 22.00 น. จนถึง 05.00 น. การค้าขายเริ่มฝืดเคืองเนื่องจากชายแดนไทยมีการคุมเข้มทำให้คนเข้าออกข้ามมาทำงานไม่ได้ การแพร่เชื้อรุนแรงแม้แต่บริษัทต่างชาติแถบนิคมอุตสาหกรรมทิลาวาหลายแห่งปิดโรงงานชั่วคราว การค้าเงียบ คนตกงานเยอะมากแต่ไม่มีตัวเลขส่วนหนึ่งเป็นช่วงเลือกตั้งรัฐบาลเมียนมาร์ปิดข่าวคนจำนวนมากโดยเฉพาะที่อยู่ในภาคบริการทะยอยกลับไปอยู่ต่างจังหวัดทำให้เกิดการแพร่เชื้อไปทั่วประเทศโดยเฉพาะเมืองใหญ่ ๆ  เช่น มัณฑะเลย์, เนปิดอร์, อิระวดี, สะไก, พะโค ฯลฯ 

เมียนมาร์วันนี้มีการพบผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 2 แสนรายแต่ตัวเลขทางการระบุว่ามีประมาณ 99,155 ราย   ผู้เสียชีวิตรวมกันสองพันเศษ ตัวเลขยังพุ่งสูงเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมาแค่วันเดียวติดเชื้อเท่าที่ตรวจพบมีถึง 1,108 รายและเสียชีวิตในวันนั้นถึง 29 ราย คนเมียนมาร์ที่ให้ข้อมูลระบุว่าคนเมียนมาร์ไม่เหมือนคนไทยคือเขาไม่ค่อยกลัว  โควิด-19 ไม่ชอบสวมใส่หน้ากากอนามัยไปในที่สาธารณะ ขณะเดียวกันระบบสาธารณสุขยังอยู่ในระดับที่ต้องการพัฒนาอีกมาก บุคลากรทางการแพทย์มีน้อยเครื่องไม้เครื่องมือและยาไม่พอเพียง ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดได้ผลน้อยตลอดจนจำนวนเจ้าหน้าที่ดูแลได้ไม่ทั่วถึงรัฐบาลและสื่อไม่ค่อยออกมากระตุ้นให้ประชาชนตื่นกลัวเท่าที่ควร

เศรษฐกิจวันนี้ของเมียนมาร์ทั้งชายแดนจีนและไทยปิดการเข้า-ออกของรถบรรทุกมีข้อจำกัดส่วนคนเข้า-ออกไม่ได้นักท่องเที่ยวฝั่งไทยและคนจีนหายไปหมด อีกทั้งแรงงานเมียนมาร์ที่ทำงานอยู่ฝั่งไทยกว่า 4-5 แสนคนกลับออกไปตั้งแต่ต้นไตรมาสแรกยังกลับเข้ามาทำงานในไทยไม่ได้ทำให้ไม่มีรายได้มาใช้จ่าย ราคาสินค้าทั้งจากฝั่งไทยและจีนสูงขึ้นทำให้มีความยากลำบากจำเป็นต้องหนีตายข้ามเข้ามาประเทศไทยตามตะเข็บชายแดนยิ่งช่วงนี้น้ำตื้นเดินข้ามมาไม่ต้องใช้เรือ

อย่างไรก็ตามโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งเป็นบ่อนการพนันส่วนใหญ่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับชายแดนไทย เช่นที่จังหวัดเมียวดีมีอยู่ 4-5 แห่งริมแม่น้ำเมยตรงข้ามคือฝั่งไทยเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเป็นการพนันออนไลน์แต่ก็มีคนไทยแอบไปเล่นซึ่งนอกจากบ่อนยังมีบาร์ ผับและเอนเตอร์เทนเมนท์ครบครัน คนไทยที่ไปทำงานเป็นร้อยคนเมื่อก่อนเช้าไปเย็นกลับเดี๋ยวนี้ปรับให้ไปอยู่ประจำแต่พวกนี้ก็มีการกลับเข้ามาเยี่ยมบ้านฝั่งไทยเขาบอกว่าเข้ามาทางตำบลพบพระและอำเภอแม่ระมาดจังหวัดตาก ข้อมูลนี้ผมฟังมาจากคนเมียนมาร์ความน่าเชื่อถือคงต้องไปวิเคราะห์เอง

อย่างที่กล่าวขณะนี้เมียนมาร์ขึ้นแท่นเป็นผู้ติดเชื้ออันดับ 3 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ตัวเลขติดเชื้อที่พบกับตัวเลขจริงอาจต่างกันมาก การล็อกดาวน์ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปบริษัทห้างร้านปิดตัวไม่มี  งานทำ ไม่มีอะไรกิน การหลบเข้าไทยจึงเป็นทางเลือกหนีทั้งโรคและหนีความอดยากเข้ามาทางช่องธรรมชาติ 

ซึ่งพรมแดนยาวถึง 2,400 กิโลเมตรจะคุมเข้มอย่างไรแค่เอาลวดหนามก็ไม่พอแล้วการดูแลจะทำได้อย่างไร ประเด็นคือจังหวัดและพื้นที่ซึ่งติดชายแดนเมียนมาร์โดยเฉพาะด่านผ่อนปรนและเส้นทางธรรมชาติจะต้องยกระดับคุมเข้มโดยเฉพาะคนไทยทั้งที่เข้าไปทำงานและนักเล่นการพนันซึ่งบ่อนคาสิโนฝั่งเมียนมาร์บางแห่งปิดตัวไปแต่ก็อีกหลายแห่งยังเปิดเป็นปกติลูกค้าเป็นคนไทยที่ติดการพนันไม่กลัวติดโรค

กรณีผู้หญิงที่ตรวจพบเชื้อที่อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย 7-8 รายจึงเป็นแค่เศษเสี้ยวตัวเลขจริงยังคงมีอีกมากที่ลักลอบเข้ามาโดยไม่พบการติดเชื้อหรือไม่ได้ตรวจ ประเด็นคือพวกนี้เข้า-ออกได้อย่างไรโดยที่เจ้าหน้าที่ไทยไม่รู้เห็นตรงนี้ท่านนายกรัฐมนตรีต้องเอาจริง ข้อมูลเชิงประจักษ์เหล่านี้คงไม่ใช่แค่เชียงรายแต่ต้องเข้มงวดทุกชายแดน    ซึ่งคงมีสภาพไม่ต่างกันเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวและจะทำให้โครงการเปิดรับนักท่องเที่ยวในต้นปี พ.ศ. 2564 ซึ่งกระทรวงต่างประเทศออกวีซ่าพิเศษพำนักในไทยได้ 45 วัน กรณีการแพร่ระบาดในช่วงนี้จะให้ประชาชนไม่แน่ใจว่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดรอบ 2

ซึ่งทางรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขออกมาปฏิเสธโอกาสที่จะเกิดเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์คงไม่มี อย่าให้ตื่นตระหนกให้ไปเที่ยววันหยุดยาวและไปใช้จ่ายเงินตามโครงการจ่ายคนละครึ่งช่วงปีใหม่จะได้ช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้พอพยุงตัวไปได้ก่อน สำหรับมาตรการผ่อนคลายมาตรการท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุดจะมีการผ่อนคลายแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอยู่ในประเทศได้เดือนครึ่งจนถึงเดือนกันยายนปีหน้า เป็นการกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังจะตายให้ฟื้นแต่ก็ต้องแลกด้วยความเสี่ยงของประเทศที่จะตามมา ซึ่งรัฐบาลควรจะมีความชัดเจนของการนำเข้าวัคซีนว่าเมื่อใดคนไทยจะได้รับเพราะเพื่อนบ้านอินโดนีเซียเขาวางแผนจะเริ่มฉีดให้ประชาชนเดือนหน้านี้แต่ของไทยทำไมยังเงียบอยู่

ส่วนการชุมนุมทางการเมืองของม็อบกลุ่มต่าง ๆ ช่วงนี้เห็นแก่ประเทศเพราะโควิด-19 ไม่เกี่ยวข้องกับข้างใดหรือฝ่ายใดทั้งคนที่ชุมนุมและเจ้าหน้าที่รวมกันเป็นหมื่นคนโอกาสเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาด ไม่คิดถึงประเทศชาติก็ให้คิดถึงพ่อแม่-พี่น้องที่บ้านของตัวว่าจะพลอยติดเชื้อไปด้วย อย่างไรเสียให้พักรบชั่วคราวรอให้พ้นการระบาดของโควิดไปก่อน...ยามนี้ทุกคนต้องช่วยกันครับ

( สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ทางเว็บไซต์  www.tanitsorat.com หรือ www.facebook.com/tanit.sorat )