เทรนด์ Digital Marketing : 2020 (จบ)

คราวก่อน ได้เขียนบทความตอนแรกเกี่ยวกับ เทรนด์ Digital Marketing ที่มาแรงในปี 2020 กันไปแล้ว คราวนี้เรามาว่ากันต่อ โดยในบทความความนี้เราจะมาคุยกันเรื่องเทรนด์ที่ไม่ได้มาแรงเฉพาะปี 2020 นี้เท่านั้น แต่มาแรงแบบที่ว่าเทรนด์นี้ได้เกิดขึ้นมาสักพักหนึ่งแล้วและตอนนี้กำลังเติบโตเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ และเทรนด์นี้น่าจะอยู่ได้ต่อไปอีกในอนาคต มีอะไรบ้าง เรามาส่องกันค่ะ!

นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กันสนุกสุดๆ

โซเชียลมีเดียจะมีการนำเทคโนโลยี เช่น Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) มาใช้กันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากโซเชียลมีเดียแต่ละตัวมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใช้งานก็จะต้องการลูกเล่นต่างๆ ที่ดีขึ้น สนุกขึ้นเช่นกัน ซึ่ง AR และ VR มันตอบโจทย์พวกนี้ได้

ยกตัวอย่าง Facebook เปิดตัวก่อนใครด้วย Facebook Horizon ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียในรูปแบบโลกเสมือนจริงหรือ Virtual Reality (VR) โดยผู้ใช้งานเมื่อสวมใส่อุปกรณ์ VR แล้วก็จะหลุดเข้าไปสู่โลกเสมือนจริง เจอเพื่อนใหม่จากทั่วทุกมุมโลก หรือท่องเที่ยวไปในสถานที่ใหม่ภายในโลกเสมือนจริงนั้น จะเหาะเหินเดินอากาศหรือว่ายน้ำข้ามเกาะได้โดยไม่เหนื่อย ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ด้วย VR

ลองชมตัวอย่างจากลิงค์ นี้

https://www.youtube.com/watch?v=Is8eXZco46Q&feature=youtu.be)

ในขณะที่ Facebook Horizon ยังอยู่ในช่วงเบต้า คือ ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และ VR ในโซเชียลดูเหมือนจะเป็นเทคโนโลยีที่เรา ยังเอื้อมไม่ถึง แต่ Augmented Reality หรือ AR นั้น กลับตรงกันข้าม เพราะโซเชียลมีเดียต่างๆ ใช้กันอย่างแพร่หลาย ยกตัวอย่างเช่น การแต่งภาพด้วยฟีลเตอร์, สติ๊กเกอร์ หรือ AR เอฟเฟ็กต์จากกล้องใน Facebook Messenger ที่เป็นที่นิยมอย่างมาก

ตัวอย่าง AR Theme Starwars ใน Facebook Messenger (เครดิต: techspot.com)

อินฟลูเอ็นเซอร์ยังฮอตฮิตต่อไป

การตลาดออนไลน์โดยใช้อินฟลูเอ็นเซอร์หรือเน็ตไอดอลมารีวิวหรือโฆษณาสินค้านั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เทรนด์นี้ก็ยังคงความนิยมต่อไปอีกเรื่อยๆ เนื่องจากโซเชียลทุกวันนี้อินฟลูเอ็นเซอร์ที่มียอดผู้ติดตามเยอะมีอิทธิพลอย่างมากซึ่งเจ้าของแบรนด์ต่างยอมควักกระเป๋าจ้างอินฟลูเอ็นเซอร์เหล่านี้โปรโมทสินค้าของตน ซึ่งมันก็มองได้สองแง่คือ หนึ่ง เราต่างได้เห็นจำนวนคนที่เป็นอินฟลูเอ็นเซอร์เพิ่มมากขึ้นในโซเชียลต่างๆ และสองเห็นได้จากมีธุรกิจหันมาจ้างอินฟลูเอ็นเซอร์เพื่อโปรโมทสินค้าเพิ่มมากขึ้น เมื่อคำนวณดูแล้ว จะเห็นได้ว่าการลงทุนจ้างอินฟลูเอ็นเซอร์นั้นถูกกว่าไปซื้อโฆษณาแบบเดิมๆ แถมผลตอบรับยังดีซะอีกด้วย

ล่าสุดตอนนี้ธุรกิจไม่ได้จ้างอินฟลูเอ็นเซอร์ แค่ 1 หรือ 2 คน แต่เค้าทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายของอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ดังในกลุ่มเล็กๆ เฉพาะกลุ่ม ซึ่งกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะซื้อสูง เช่น โปรโมทขายอุปกรณ์กีฬาวิ่งโดยจ้างอินฟลูเอ็นเซอร์ที่เป็นนักวิ่งชื่อดังมีคนติดตามเยอะในโซเชียล เป็นต้น

กฎหมายด้านออนไลน์จะออกมาเพิ่มขึ้น

แม้ว่าโซเชียลมีข้อดีอยู่มากมาย ทำให้เพลิดเพลินไปกับเนื้อหาต่างๆ แต่มันก็มีด้านมืดอยู่ด้วยเช่นกัน เช่น ปัญหาข่าวปลอมและการถูกแฮคหรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยตัวโซเชียลมีเดียเอง (เช่น Facebook) ก็เป็นด้านหนึ่งที่ถูกพูดถึงกันอยู่ในตอนนี้

โซเชียลนั้นเหมือนดาบสองคมที่เราสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายมาก หรืออาจมีใครก็ได้เอาข้อมูลเราไปใช้ไม่ว่าในทางใดโดยที่เราอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลเอง พยายามอัพเดตกฎข้อบังคับต่างๆ ออกมาและมีกฎการใช้งานที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น มีการเซนเซอร์ภาพอาชญากรรมน่าสยดสยอง หรือมีการตั้งหน่วยงานภายในคอยตรวจภาพผิดกฎหมาย นอกจากตัวโซเชียลมีเดียเองจะคอยตรวจสอบออกกฎข้อบังคับแล้ว รัฐบาลไทยรวมถึงรัฐบาลต่างๆ ในหลายประเทศเริ่มมีการออกกกฎหมาย ข้อบังคับด้านออนไลน์ให้ครอบคลุมมากขึ้นด้วย

ฝ่ายบริการลูกค้าผ่านโซเชียล

โซเชียลมีเดียในช่วงแรกๆ คือการให้ผู้ใช้สื่อสารกันแบ่งปันรูปและวีดีโอหรือข่าวสารซึ่งกันและกันภายในกลุ่ม แต่ทุกวันนี้โซเชียลเป็นได้มากกว่านั้น มันกลายเป็นสถานที่ขายของ, ค้นหาสินค้า และล่าสุดเป็นช่องทางในการบริการลูกค้า หลายๆ แบรนด์เริ่มใช้โซเชียลในการบริการลูกค้า Customer Service ซึ่งจริงๆ แล้วมันเกิดจากการที่ลูกค้านั้นพยายามติดต่อสอบถามเข้ามาผ่านทางโซเชียลมีเดียนั่นเอง ซึ่งสาเหตุอาจมาจากการที่ลูกค้าติดต่อผ่านช่องทางอื่นแล้วไม่ค่อยได้ผล เช่น โทรเข้าไปสายไม่ค่อยว่าง หรือส่งอีเมล์แล้วไม่มีการตอบกลับ ซึ่งส่วนตัวแล้วดิฉันก็ชอบที่จะสอบถามผ่านทางโซเชียลเพราะทุกครั้งจะได้คำตอบกลับมาค่อนข้างรวดเร็วและไม่เสียเวลา

บทสรุป

ขึ้นชื่อว่าเทรนด์ แม้ว่าเราจะพยายามอินเทรนด์ ยังไงแล้วเราก็อินเทรนด์ได้ไม่นานหรอกค่ะ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทคโนโลยียิ่งเปลี่ยนเร็วกว่าอีก เมื่อเทคโนโลยีมีการอัพเดตอะไรใหม่ๆ ออกมา โซเชียลต่างๆ ก็ต้องตามเทรนด์เทคโนโลยีนั้นเช่นกัน ส่วนเราปลายน้ำก็คงก็พยายามตามเทรนด์กันต่อไป ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เพราะมันคือโอกาสของธุรกิจคุณค่ะ