posttoday

คาดปี62คนตกงานเพิ่ม4แสนคน เผย3กลุ่มธุรกิจยังต้องการแรงงานสูง

21 กุมภาพันธ์ 2562

แมนพาวเวอร์ฯ คาดปีนี้มีคนว่างงานเพิ่ม 1.1-1.2% จากทั้งหมดกว่า 38 ล้านคน พร้อมชงภาครัฐเร่งการพัฒนา เสริมทักษะรับยุค 4.0

แมนพาวเวอร์ฯ คาดปีนี้มีคนว่างงานเพิ่ม 1.1-1.2% จากทั้งหมดกว่า 38 ล้านคน พร้อมชงภาครัฐเร่งการพัฒนา เสริมทักษะรับยุค 4.0

นายวรรณชัย ไพบูลย์บารมี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดแรงงานในประเทศไทยในปีนี้อาจอยู่ในภาวะชะลอตัวและคาดว่าอัตราว่างงานเพิ่มขึ้น 1.1-1.2% หรือราวกว่า 4 แสนคน จากจำนวนผู้ใช้แรงงานที่มีอยู่ราว 38 ล้านคน โดยมองว่าการว่างงานยังต่ำกว่าอเมริกาที่อยู่ราว 10%

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการส่งออกและบริการโดยตรง อีกทั้งในหลายอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล หรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น คาดว่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี ซึ่งช่วงดังกล่าวอัตราการว่างงานจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการปรับตัวของแต่ละธุรกิจแต่คาดว่าตลาดแรงงานจะมีการเปลี่ยน แปลงอย่างมาก

สำหรับกลุ่มสายงานที่มีความต้องการของตลาดหลังจากการเพิ่มทักษะจะมี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มวิชาชีพ เช่น แพทย์ วิศวกร ฯลฯ กลุ่มดิจิทัล เช่น โปรแกรมเมอร์ ไอที และกลุ่มอาชีพอิสระที่หารายได้เสริมผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ

อย่างไรก็ดี ด้วยนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ภาครัฐควรจะส่งเสริมการพัฒนาคน ซึ่งแรงงานไทยยังมีจุดด้อยเรื่องภาษา รวมทั้งการเสริมด้านทักษะแรงงานและด้านการศึกษาเพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ซึ่งเป็นการต่อยอดกลุ่มธุรกิจเดิมให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น

ด้าน น.ส.สุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์ กรุ๊ป กล่าวว่า แม้ภาพรวมของสถานการณ์ตลาดแรงงานในปีที่ผ่านมาจะชะลอตัว แต่อัตราการว่างงานลดลง 0.04% หรือราว 1.1 หมื่นคน เมื่อเทียบระหว่างปี 2560 กับปี 2561 จากจำนวนแรงงานทั้งหมด 38 ล้านคนในนี้เป็นแรงงานนอกระบบราว 20 ล้านคน โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ไทยได้เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งทำให้ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคธุรกิจ ตลาดแรงงาน และภาคการศึกษาตื่นตัวมีการตั้งรับและวางแผน รวมถึงบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนองค์กร

ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรกในปีที่ผ่านมาคือ ธุรกิจการบริการ ได้แก่ ขนส่งและโลจิสติกส์ ค้าปลีกค้าส่ง บริการเฉพาะกิจ และที่ปรึกษาด้านต่างๆ รองลงมาคือ ธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์ วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ อันดับ 3 คือ ธุรกิจด้านเทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

น.ส.สุธิดา กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทในปีนี้ได้ทุ่มงบราว 10% ของรายได้ลงทุนทางด้านเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ โดยตั้งเป้าการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก ขณะที่ในปี 2561 มีรายได้อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท หรือเติบโต 12%