posttoday

เกษตรเดินหน้าแผนลดกรีดยาง

16 มีนาคม 2561

"กฤษฎา" เดินหน้ามาตรการหยุดกรีดยาง 3 ล้านไร่ หลัง ครบกำหนดเปิดฟังความเห็นทุกภาคส่วน เล็งหาเงินรองรับ

"กฤษฎา" เดินหน้ามาตรการหยุดกรีดยาง 3 ล้านไร่ หลัง ครบกำหนดเปิดฟังความเห็นทุกภาคส่วน เล็งหาเงินรองรับ

นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เตรียมเดินหน้าโครงการหยุดกรีดยางพารา 3 ล้านไร่ 3 เดือน เพื่อลดปริมาณผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. 2561

ทั้งนี้หลังจากใช้เวลาในการเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาข้อยุติเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการดังกล่าว ซึ่งต้องจ่ายให้เกษตรกรเป็นงวดๆ ตลอด 3 เดือน โดยอัตราชดเชยให้เกษตรกรจะอยู่ที่ 1,500 บาท/ไร่ หรือประมาณ 4,500 บาท/3 เดือน

"ผมมั่นใจเดินหน้าโครงการนี้แน่นอน เพื่อจะช่วยดึงราคายางพาราทันที ที่เริ่มเปิดกรีดหลังสิ้นโครงการ เดือน ก.ค. และขณะนี้ขอเวลาที่จะคิดหาเงินมาใช้ในโครงประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกพันธบัตร 3 หมื่นล้านบาท นำมาใช้ในโครงการ โดยให้กระทรวงการคลังช่วยค้ำประกัน" รมว.เกษตรฯ กล่าว

สำหรับเงื่อนไขที่จะให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการนั้น หากเป็นสมาชิกสถาบันเกษตรสหกรณ์ต้องนำถ้วยยางมามอบให้เจ้าหน้าที่เพื่อจะได้ชัดเจนว่าจะไม่มีการ กรีดยาง โดยจะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการวัดหน้าลำต้นยางของสวนเกษตรกรด้วย ซึ่งแนวทางนี้จะเป็นวิธีป้องกันการลักลอบกรีดยางได้

ด้าน นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย (สยยท.) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายหยุดกรีดยาง 3 ล้านไร่ ของ รมว.เกษตรฯ เนื่องจากไม่เชื่อว่าภาครัฐจะควบคุมการ กรีดได้จริง สุดท้ายเกษตรกรจะหาวิธีการ กรีดยางจนได้และภาครัฐเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์

นอกจากนั้น ยังไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่จะจำกัดปริมาณส่งออกยางพาราของ 3 ประเทศออกไปอีก 3 เดือน 3.5 แสนตัน เป็นสัดส่วนของไทย 2.3 แสนตัน เนื่องจากเห็นว่าส่งผลกระทบต่อแผนการส่งมอบสินค้าของผู้ส่งออกยาง และที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครตรวจสอบว่าประเทศไหนได้ปฏิบัติจริงหรือไม่

ขณะเดียวกันมาตรการนี้กลับไปทำ ให้กิจการของประเทศอื่น เช่น เวียดนามหรือลาวได้ประโยชน์ เพราะเมื่อไทย ส่งของไม่ได้หรือไม่สามารถรับคำสั่งซื้อ เพิ่มในช่วง 3 เดือน ผู้นำเข้าก็จะหันไปสั่งซื้อยางจากประเทศอื่นแทน เช่น รัสเซีย มีความต้องการซื้อยางก็หันไปซื้อที่เวียดนาม ดังนั้นเห็นว่า สิ่งที่รัฐควรทำคือเร่งใช้ยาง ในประเทศของรัฐ 2 แสนตัน ให้เกิด ได้จริง เนื่องจากขณะนี้ยังซื้อน้อยมากทำให้ไม่ส่งผลต่อปริมาณยางในตลาด