posttoday

หอการค้าฯชงแผนดัน3วาระเศรษฐกิจ "ลงทุน-เกษตร-ท่องเที่ยว"

19 พฤศจิกายน 2560

หอการค้าไทย ยื่นสมุดปกขาว 3 วาระทางเศรษฐกิจให้ “สมคิด” เคาะเป็นนโยบายรัฐบาล

หอการค้าไทย ยื่นสมุดปกขาว 3 วาระทางเศรษฐกิจให้ “สมคิด” เคาะเป็นนโยบายรัฐบาล

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา สมาชิกหอการค้าฯ ได้ร่วมกันระดมความเห็นเพื่อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาล ใน 3 เรื่องหลักที่เป็นวาระสำคัญทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ในประเด็นแรกเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน มองว่าการปรับตัวเข้าสู่อี-บิซิเนสเป็นแนวโน้มสำคัญทางการค้าและเป็นโอกาสดีสำหรับสินค้าที่มีศักยภาพของท้องถิ่นในการเข้าสู่ระดับสากล และควรส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศโดยตั้งหน่วยงานเพื่อช่วยเหลือนักลงทุน ส่วนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จะต้องผลักดันให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกับผู้ลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม

ในส่วนประเด็นที่ 2 เรื่อง การเกษตรและอาหาร รัฐบาลควรขับเคลื่อนสู่เมืองนวัตกรรมด้านอาหารเพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยพัฒนานวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมอาหารให้มีมูลค่าสูงขึ้น เน้นเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านอาหารเพื่อให้สามารถขายสินค้าในปริมาณน้อยให้ได้มูลค่ามาก ขณะเดียวกันก็ต้องใช้การตลาดนำการผลิตโดยควรพัฒนาซอฟต์แวร์ต้นแบบในการเก็บข้อมูลและการคาดการณ์ต่างๆ ด้วยระบบเทคโนโลยีในสินค้าเกษตรด้วย

สำหรับประเด็นที่ 3 เรื่อง ภาคบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหัวจักรสำคัญในการช่วยกระจายรายได้ไปยังธุรกิจต่างๆ ในทุกภูมิภาคนั้น ควรจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ สำหรับขับเคลื่อนการท่องเที่ยวชุมชน และยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมถึงสนับสนุน “ไทยเท่” เป็นวาระแห่งชาติ เช่นเดียวกับ Japan Cool Strategy ของญี่ปุ่น และ The Korean Wave ของเกาหลี และที่สำคัญคือการพัฒนา Digital Tourism Platform ของประชารัฐ รองรับการซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวสมัยใหม่

นายกลินท์ กล่าวอีกว่า ทางหอการค้าไทยจะนำข้อเสนอแนะใน 3 ประเด็นดังกล่าวต่อรัฐบาล โดยจัดทำเป็นสมุดปกขาวยื่นต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะมาร่วมงานสัมมนาหอการค้าที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 19 พ.ย.

นอกจากนี้ หอการค้าฯ ยังมีแนวคิดผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (เอสอีซี) ซึ่งล้อแนวคิดมาจากระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเอสอีซีจะเน้นที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 3-4 จังหวัดของภาคใต้ คือ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรสามารถเชื่อมโยงได้ทั้งท่าเรือ รถไฟ ถนน สนามบิน โดยให้ประชาชน 3-4 จังหวัด เดินทางไปมาระหว่างกันสะดวก รวมถึงมีเป้าหมายจะเชื่อมระบบโครงสร้างพื้นฐานให้ 2 ทะเล คือ อ่าวไทยและอันดามัน ให้สามารถไปมาสะดวกทั้งสองฝั่ง

ขณะที่ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาหอการค้าไทยทั่วประเทศ หัวข้อ “เอสเอ็มอีกับการนำไทยให้ก้าวไกลไปกับโลกยุค 4.0” ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่าผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในต่างจังหวัดสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันไปมาก และมีภาวะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น ซึ่งสวนทางกับธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง และค้าปลีก-ค้าส่ง

ทั้งนี้ เนื่องจากสายป่านทางการเงินไม่ยาวพอ และโครงสร้างพื้นฐานที่มีแข่งขันกับส่วนกลางไม่ได้ รวมถึงขาดเทคโนโลยีสมัยใหม่ ขาดงานวิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น จึงต้องมีการยกระดับศักยภาพให้เข้าถึงแหล่งทุนได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งต้องสนับสนุนความคิดการตลาด การวิจัย และพัฒนาให้เอสเอ็มอีมากขึ้น