posttoday

ภัยต่างศาสนา..กับความมั่นคงชาติไทย

10 พฤษภาคม 2563

โดย อุทัย มณี

*************

ประเทศไทย..แม้จะมีพลเมืองที่ประกอบด้วยหลากหลายเผ่าพันธุ์ผสมผสานจนหล่าหลอมเป็น..คนไทย

ส่วนชาติ หมายถึงกลุ่มคนที่มีภาษา วัฒนธรรม และ/หรือ เชื้อชาติ เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ต้องมีจุดร่วมของการเป็นชาติด้วย เช่น มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่สืบต่อกันมา หรือมีเป้าหมายที่ดีสำหรับการรวมเป็นชาติเดียวกันและมุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายความเจริญของสังคมที่ตนเองอาศัยอยู่

พหุวัฒนธรรม เป็นคำเกิดใหม่ เป็นวาทะกรรม แนวทางสันติวิธี เป็นคำพูดสื่อให้ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในสังคมหรือแผ่นดินนั่น ๆ ยอมรับคนส่วนน้อย ยอมรับคนต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม เช่น ให้คนไทยส่วนกลางยอมรับคนต่างศาสนาในภาคใต้ ให้คนเมืองยอมรับคนชายขอบประเภทชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งคำว่า พหุวัฒนธรรม ผมคิดว่าน่าจะเป็นระบบความคิดของชาติตะวันตกที่เข้าไปรุกรานเจ้าของถิ่นเดิม เช่นสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ประเทศหล่านี้ล้วนเข้าไปรุกรานเจ้าของแผ่นดินเดิม แล้วให้ยอมรับ คำว่า พหุวัฒนธรรม

สำหรับประเทศไทย เริ่มต้นตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์จนถึงพลเมือง อดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคนคริสต์ คนมุสลิม คนซิกซ์ หรือฮินดู ล้วนได้รับพระกรุณาโปรดให้อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารเฉกเช่นเดียวกับ คนไทยเจ้าของถิ่นเดิม และเนื่องจากประเทศไทยตั้งแต่ชนชั้นนำจนถึงประชาชนทั่วไป ล้วนถูกหล่อหลอมด้วยหลักธรรมพระพุทธศาสนา ที่สอนให้อยู่ร่วมกับคนต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม ด้วยความเมตตา เฉกเช่นกับ ครอบครัวเดียวกัน

นั่นคือ..การใช้วัฒนธรรมการแนวทางพุทธศาสนา หล่อหลอมชาติเพื่อให้เกิดความมั่นคง โดยใช้วัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาในการขับเคลื่อนเป็นตัวประสาน ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่ง..กลายเป็นความอ่อนแอกลับมาทำร้ายเจ้าของบ้านแบบไม่รู้ตัว

ภัยต่างศาสนา..กับความมั่นคงชาติไทย

สมัยเป็นสามเณรต่างจังหวัด ผมมักอ่านหนังสือและฟังเทปของ พระธรรมเมธาภรณ์ หรือเจ้าคุณระแบบ ฐิตญาโณ อดีตประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ที่บรรยายเพื่อเปิดโปงการแผ่อิทธิพลของศาสนาหนึ่งที่กำลังเฟื่องฟูในช่วงนั้น โดยได้โต้วาทะกับนักสอนศาสนาทั้งหลาย ทั้งใช้ กลยุทธ์นารีพิฆาตพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียง ใช้ศาสนพิธีในรูปแบบของศาสนาพุทธ

โดยการต่อต้านและเปิดโปงอิทธิพลของต่างศาสนาของท่าน ล้วนกระทำเพื่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและพุทธศาสนา  เพราะท่านเชื่อเหมือนอย่างที่ผมเชื่อคือ..พระพุทธศาสนาอยู่ได้ สถาบันหลักชาติไทยอยู่รอด

หลายปีมานี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการภัยคุกคามของต่างศาสนา อย่างที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ถูกคุกคามด้วยกฎหมาย เงินทุน และคนของคนในศาสนานั่น ๆ ที่มีศักยภาพ ในการขับเคลื่อน ผนวกกับเงินสนุบสนุนทุนจากต่างชาติ

เรื่องนี้ พอใครจะแต่ะ จะเปิดโปง จะมีคนออกมาขู่ มาต่อว่า เช่น ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมบ้าง จะก่อให้เกิดความหมาดหมางระหว่างศาสนาบ้าง จะใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการบ้าง สุดท้าย..ทั้งพระสงฆ์และนักวิชาการชาวพุทธก็..ถูกเก็บเข้ากรุ ดีไม่ดีแม้แต่พระสงฆ์เราบางรูปที่รับจ๊อยเงินทุนมาขับเคลื่อนเรื่องสิทธิ เรื่องสันติ ก็ออกมาต้านคนพูด คนเปิดโปง

ที่ผมปูพื้นเล่ามานี้ทั้งหมดมิใช่อะไร หลายวันมานี้ผมได้รับคำเชิญชวนบ้าง มีผู้ใหญ่ทั้งนายตำรวจ นายทหาร ซึ่งส่วนใหญ่เกษียณราชการแล้ว โทรมาบอก โทรมาเล่า เพื่อหาแนวทางสร้างความมั่นคงให้กับ พระพุทธศาสนาและสถาบันหลักของชาติ

การสร้างความมั่นคงให้สถาบันหลักของชาติและพระพุทธศาสนา ในฐานะนักบวชเก่า ในทางปฎิบัติให้เกิดรูปธรรมเห็นภาพชัด ไม่มีใครสู้คณะสงฆ์ได้

ผมมักพูดเสมอ ๆ ว่า คณะสงฆ์ถูกสอนมาว่า “พระมหากษัตริย์ คือสมมติเทพ เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นผู้อุปถัมภกพระพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงยุคปัจจุบัน..”

คณะสงฆ์ทั้งสอนตัวเองและสั่งให้ประชาชนในชุมชนหมู่บ้าน ให้รักชาติ รักสถาบัน ยิ่งกว่าทหารและตำรวจ ด้วยซ้ำไป

หลายปีมานี้..พระพุทธศาสนาและสถาบันหลักของชาติ ถูกคุกคาม ถูกโจมตี ทั้งทางตรงและทางอ้อม..ฝ่ายความมั่นคง คนที่รับผิดชอบ จะรู้หรือไม่รู้ จะสัมผัสได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่.. แต่ผมเชื่อว่า..คณะสงฆ์ส่วนใหญ่สัมผัสและรับรู้ได้ เพียงแต่ไม่กล้าขยับเหมือนเจ้าคุณระแบบ ผู้หาญกล้าต่อกรกับคน..ต่างศาสนา

บัดนี้น่าจะถึงเวลาทั้งคณะสงฆ์และผู้รักแผ่นดิน..ต้องสวดชยันโตเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและสถาบันหลักของชาติแล้วกระมัง???