posttoday

พระอธิการปรีชา ปุณฺณสีโล พระดีศรีวัดไทร  

07 ตุลาคม 2561

หลังเกิดปรากฏการณ์เสียงระฆังวัดไทรแทรกเซาะโสตประสาทของใครบางคนจนต้องโทรไปร้องเรียนสำนักงานเขตบางคอแหลม

โดย วรธาร ทัดแก้ว

หลังเกิดปรากฏการณ์เสียงระฆังวัดไทรแทรกเซาะโสตประสาทของใครบางคนจนต้องโทรไปร้องเรียนสำนักงานเขตบางคอแหลม แล้วเขตก็รับสนองทำหนังสือขอความร่วมมือมายังเจ้าอาวาสวัดไทร “พระอธิการปรีชา ปุณฺณสีโล” ให้พิจารณาปรับลดระดับเสียงและช่วงระยะเวลาตีให้เหมาะสม ปรากฏหนังสือแผ่นเดียวเนื้อหาไม่กี่บรรทัด ทำสังคมออนไลน์ลุกเป็นไฟ งานเข้าจึงไปตกที่ผู้ลงนามหนังสือ ตลอดจนผู้อำนวยการเขตแม้ไม่ใช่ผู้ลงนามโดยตรง และโดยเฉพาะผู้ร้องเรียน ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใคร หญิงหรือชาย อยู่ที่ไหน แต่ก็ถูกโลกโซเชียลตราหน้าพิพากษาในทางเสียหายไปเรียบร้อย

หันมาที่พระอธิการปรีชา ในบทบาทหน้าที่เจ้าอาวาส ถือเป็นพระที่ยึดถือในเหตุและผล (รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น) มีบุคลิกไม่แข็งกร้าว และมีความมั่นคงแน่วแน่ในสิ่งดีงาม ถูกต้อง และถูกธรรม กล่าวคือ ไม่ใช่พระเหลาะแหละไร้จุดยืน สิ่งใดที่ท่านได้ขบคิดพิจารณาแล้วเห็นว่าดีก็พร้อมลงมือทำและรักษาไว้อย่างดี

พระอธิการปรีชา ปุณฺณสีโล พระดีศรีวัดไทร  

หลังได้รับหนังสือจากเขตฯ ท่านยังคงให้พระลูกวัดตีระฆังต่อไป แต่ปรับขนาดค้อนตีระฆังให้เล็กเพื่อลดความดังของเสียง พร้อมให้เหตุผลของการไม่หยุดตีระฆังว่า การตีระฆังในเวลาตี 4 และ 6 โมงเย็น ในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน ถือเป็นธรรมเนียมของวัดที่ปฏิบัติมานาน ชุมชนรอบวัดรับรู้และอยู่ร่วมกันด้วยดีไม่เคยมีปัญหาใดๆ

“การตีระฆังในช่วงเข้าพรรษานี้เป็นสิ่งที่อดีตเจ้าอาวาสได้ริเริ่มปฏิบัติและได้รับการสืบสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน อาตมามองว่าเป็นเรื่องดีงาม มีประโยชน์ทั้งต่อชาววัดและชาวบ้าน ควรรักษาไว้ เสียงระฆังเป็นเครื่องบอกเวลาให้พระเณรลุกขึ้นเตรียมทำกิจวัตรอย่างพร้อมเพรียงกัน เช่น ทำวัตรเช้า ส่วนชาวบ้านก็ลุกขึ้นมาประกอบอาชีพ ชาวพุทธเตรียมข้าวปลาอาหารไว้ใส่บาตรตามที่ปู่ย่าตายายพ่อแม่พาทำมา เจริญพร”

ฟังพระอธิการปรีชาพูดและปฏิบัตินี้ยิ่งอยากรู้จักท่านมากขึ้น เพราะปฏิบัติได้สมกับเป็นเนื้อนาบุญจริงๆ เป็นพระที่มีเมตตาและเอื้อเฟื้อต่อสรรพสัตว์ เมื่อเขตบางคอแหลมบอกให้ลดระดับเสียงก็สั่งพระลูกวัดลดขนาดไม้ตีระฆังให้เล็กลงโดยไม่มีความคิดยกเลิก หรือหยุดตีระฆังแต่อย่างใด

พระอธิการปรีชา ปุณฺณสีโล พระดีศรีวัดไทร  

เมื่อได้ศึกษาประวัติ ปฏิปทา และผลงานของท่าน ยิ่งน่าเลื่อมใส ถือเป็นพระสมถะ ปรารถนาน้อย ไม่มีความต้องการในสมณศักดิ์ทั้งที่บวชพระมาได้ 33 ปี ตั้งแต่ปี 2528 ซึ่งถ้านับพรรษาและความรู้ทางธรรมที่จบนักธรรมเอก และหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.) ห้องเรียนวัดพิชยญาติการาม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม

ประกอบกับผลงานที่ได้พัฒนาวัดตั้งแต่สมัยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสปี 2536 รักษาการปี 2537 และปี 2539 กระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสในปี 2539 ถึงปัจจุบันอย่างน้อยสมณศักดิ์ “พระครู” ยังไงก็น่าจะได้ แต่เพราะท่านไม่ปรารถนา จึงเป็นได้แค่ “พระอธิการ” (คำเรียกเจ้าอาวาสที่ไม่มีสมณศักดิ์) ซึ่งหาไม่ง่ายสำหรับพระที่มีมุมมองแบบนี้เกี่ยวกับสมณศักดิ์

“รู้สึกว่าจะสี่ครั้งถ้าจำไม่ผิดที่พระผู้ใหญ่ที่เป็นพระผู้ปกครองในเขตท่านเมตตาให้อาตมาทำประวัติขอสมณศักดิ์ แต่อาตมาไม่เคยทำ เพราะอย่างที่บอกไม่ได้คิดอยากได้ คิดว่าอยู่โดยไม่มีสมณศักดิ์ ก็น่าจะปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสได้ ก็อยู่มาถึงวันนี้”

พระอธิการปรีชา ปุณฺณสีโล พระดีศรีวัดไทร  

กับการพัฒนาวัดไทรในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาสได้มีโครงการต่างๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่การบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆ ในวัด เช่น กุฏิ หอสวดมนต์ (ใช้เป็นหอฉันด้วย) ถ้าไม่ใช่งานยากและต้องใช้ความชำนาญอย่างสูงก็จะไม่จ้างช่างข้างนอกให้เสียงบประมาณของวัด เช่น การทาสีหอสวดมนต์ที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้พระก็ช่วยกันทำ เป็นต้น

หากใครที่เข้าไปวัดไทร ก็จะเห็นว่าเป็นวัดที่สะอาด ภูมิทัศน์วัดสวยงาม ตามต้นไม้มีป้ายธรรมะสอนใจ ถ้าใครไปบริเวณลานไทร ซึ่งมีต้นไทรใหญ่หลายต้นแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาเย็นสบาย ไม่ว่าอากาศข้างนอกจะร้อนแค่ไหน แต่บริเวณลานไทรเย็นสบายร่มรื่น จนใครๆ ที่มาเดินนั่งพักผ่อนไม่อยากจะลุกไปไหน

“ตรงลานไทร นอกจากให้คนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจแล้วยังใช้เป็นลานออกกำลังกายของคนในชุมชน มีเครื่องออกกำลังกายด้วย ทุกวันตอนเย็นจะมีญาติโยมมาออกกำลังกายเต้นแอโรบิก ยืดเส้นยืดสาย เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างวัดกับชุมชนและญาติโยมกับพระ ติดกับลานไทรเป็นสวนสมุนไพรเพิ่งทำมาได้ 2 ปี มีสมุนไพรหลายชนิด เขียนชื่อปักไว้พร้อมว่าต้นอะไร เพื่อให้คนที่มาวัดหรือเด็กนักเรียนได้ศึกษาหาความรู้”

พระอธิการปรีชา ปุณฺณสีโล พระดีศรีวัดไทร  

หันมาที่การส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็กและคนในชุมชน พระอธิการปรีชาได้เปิดโครงการสอนภาษาอังกฤษฟรี ให้กับเด็กระดับประถมศึกษา ซึ่งแบ่งเป็น 2 ระดับชั้น เรียนทุกวันเสาร์ มีครูจิตอาสามาช่วยสอน ขณะที่วันอาทิตย์เปิดสอนภาษาอังกฤษผู้ใหญ่และสอนอาชีพต่างๆ แก่ผู้ที่สนใจ โดยใช้ศาลา 2 เป็นสถานที่เรียน

“ทุกอย่างเรียนฟรี ครูสอนก็เป็นจิตอาสามาช่วย เรียนจบไปนับรุ่นไม่ถ้วน อีกหนึ่งโครงการที่วัดให้ความสำคัญ คือ หมู่บ้านรักษาศีล 5 จัดทุกวันอาทิตย์ที่วิหาร มีกิจกรรมสวดมนต์ ฟังเทศน์ ปฏิบัติธรรม ถ้าวันอาทิตย์ตรงกับวันพระก็ไปจัดที่ศาลาทำบุญ มีตักบาตร ฟังเทศน์และรักษาศีลอุโบสถด้วย” เจ้าอาวาสวัดไทร กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีโครงการช่วยเหลือสังคมโดยได้ตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยวัดไทรขึ้นที่วัด โดยมีรถดับเพลิงคันเล็กๆ ไว้บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเวลาเกิดเพลิงไหม้และนำสิ่งของต่างๆ ไปช่วยอีกด้วย