posttoday

พระสุธีรัตนบัณฑิต พระนักพัฒนามากด้วยวิสัยทัศน์

29 เมษายน 2561

โบราณว่าถ้าอยากรู้เจ้าอาวาสเป็นพระที่ใช้ได้ไหม (เป็นสมภารดีทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์)

โดย วรธาร ทัดแก้ว

โบราณว่าถ้าอยากรู้เจ้าอาวาสเป็นพระที่ใช้ได้ไหม (เป็นสมภารดีทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์) ไม่ต้องดูอื่นไกล ให้ดูวัดนั่นแหละก็พอจะอนุมานได้ว่าเจ้าอาวาสเป็นคนแบบไหน 

ถ้าวัดทรุดโทรม สกปรก ไม่สะอาด การบริหารจัดการวัดไม่เป็นระบบระเบียบ พระเณรขาดการสำรวมในศีลาจารวัตร ประพฤติปฏิบัติตนไม่เรียบร้อย เกิดปัญหาเป็นที่เสื่อมศรัทธาของชาวบ้านเป็นระยะ อย่างนี้ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเจ้าอาวาสรูปนั้นไม่ได้ใส่ใจในการพระศาสนา เป็นเจ้าอาวาสที่ไม่ได้เรื่อง ถ้าพูดอย่างหยาบๆ ที่ชาวบ้านออกปาก คือ ไม่เอาถ่าน

ในทางตรงกันข้าม ถ้าวัดสะอาดสะอ้าน ไม่ว่าลานวัด โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาปฏิบัติธรรม ห้องน้ำ เสนาสนะต่างๆ ได้รับการปัดกวาดทำความสะอาดอยู่เสมอ ญาติโยมเข้าไปแล้วรู้สึกดีและอยากจะมาอีก ขณะงานด้านต่างๆ ที่วัดดำเนินการ เช่น การศึกษาของพระเณร ของเด็กเยาวชน (บางวัดมีโรงเรียนวัด) การสาธารณสงเคราะห์ งานเผยแผ่ งานสาธารณูปการ งานปกครอง ได้วางแผนไว้อย่างดีและขับเคลื่อนไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะพระเณรในวัดมีความสามัคคีพร้อมเพรียงในการทำกิจกรรมของวัด มีความสำรวมระวังในศีลและเสขิยวัตร ประพฤติปฏิบัติตนน่าเลื่อมใส มีปฏิสันถารที่ดีกับญาติโยม ชาวบ้านเข้าไปเห็นแล้วเกิดความรู้สึกเคารพยำเกรงเลื่อมใสศรัทธา อย่างนี้ก็เชื่อได้ว่าเจ้าอาวาสรูปนั้นเป็นงาน

พระสุธีรัตนบัณฑิต พระนักพัฒนามากด้วยวิสัยทัศน์

วัดสุทธิวราราม ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ เป็นวัดหนึ่งที่โชคดีเพราะได้พระทรงความรู้ เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตร มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ทั้งยังเป็นพระนักการศึกษา พระนักพัฒนา มาเป็นเจ้าอาวาส ท่านรูปนั้นคือ “พระสุธีรัตนบัณฑิต” (รศ.ดร.) หรือ ท่านเจ้าคุณสุทิตย์ ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) อีกด้วย

ความรู้ถือไม่ธรรมดา ทางโลกระดับดอกเตอร์และเป็นถึงรองศาสตราจารย์ ขณะที่ทางธรรมเป็นเปรียญธรรม 7 ประโยค จึงไม่แปลกใจที่ทำไมวัดสุทธิวรารามได้รับการพัฒนาที่โดดเด่นในหลายๆ ด้าน ไม่เชื่อลองเข้าไปดูแล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก โดยชาวชุมชนรอบวัดสุทธิวรารามจะรู้ดีที่สุด

อุโบสถ์ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ตรงกลางวัด มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรม และโดยเฉพาะภาพจิตรกรรมต้องบอกว่าทรงคุณค่าและหาชมยาก ทั้งภายในและนอกอุโบสถ์ มีทั้งภาพปริศนาธรรม ภาพพุทธประวัติที่งดงาม โดยการสร้างสรรค์ของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับชาติที่เจ้าคุณสุทิตย์ติดต่อและเชิญมาเขียนให้

อีกทั้งวัดได้เปิดโบสถ์ให้ประชาชนเข้าไปกราบพระไหว้พระ หรือนั่งสมาธิได้ทุกวัน ต่างจากหลายวัดที่ปิดโบสถ์จะเปิดก็ต่อเมื่อพระสงฆ์ต้องการทำสังฆกรรมเท่านั้น

พระสุธีรัตนบัณฑิต พระนักพัฒนามากด้วยวิสัยทัศน์

นอกจากงานจิตรกรรมทรงคุณค่าที่ใครได้เข้าไปเสพชมกันอย่างมีความสุขและได้ความรู้แล้ว ภูมิทัศน์รอบโบสถ์ก็ถือว่าไม่เลว กล่าวคือมีพื้นที่สีเขียวอยู่ทั้งสองด้านของโบสถ์ โดยเมื่อก่อนข้างๆ โบสถ์จะมีศาลาสวดศพและกุฏิหลังหนึ่งขวางพื้นที่ เจ้าคุณสุทิตย์ได้ให้รื้อออกแล้วทุบกำแพงแก้ว (กำแพงรอบโบสถ์) ออกด้วย เพื่อทำเป็นพื้นที่สวนรอบอุโบสถตามที่เห็นในปัจจุบัน ทำให้วัดดูร่มรื่นขึ้นด้วยต้นไม้สีเขียว

“วัดในเมืองส่วนใหญ่จะเห็นสภาพอันหนาแน่นของตึก อาคาร ร้านค้า ลานจอดรถ วัดสุทธิฯ ก็เช่นกัน ก่อนนี้มีพื้นที่สาธารณะน้อย อาตมาจึงคิดว่าน่าจะสร้างวัดให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ของสังคมขึ้นมาใหม่ โดยอาศัยโบสถ์ ศาลาที่มีอยู่มาปรับผังภูมิทัศน์ขึ้นใหม่ โดยหลักคิดในการพัฒนาวัดก็คือเพื่อสร้างพื้นที่ทางกายภาพให้สะอาดร่มรื่น สวยงาม เป็นที่สัปปายะเหมาะกับการเรียนรู้ และการเข้ามาพัฒนาจิตใจของประชาชนทุกเพศทุกวัย” พระสุธีรัตนบัณฑิต กล่าว

นอกจากสร้างสวนสีเขียวรอบโบสถ์แล้ว ทางวัดยังได้ทำศูนย์เรียนรู้พระพุทธศาสนาและการพัฒนาสังคมขึ้นมาด้วย เพื่อให้นักเรียน ประชาชนทั่วไป หน่วยงาน องค์กรต่างๆ รวมทั้งชุมชนได้เข้ามาใช้ร่วมกันอีกด้วย ในการนี้ก็ได้อาสาสมัครด้านกิจกรรมของโครงการวัดบันดาลใจมาร่วมด้วยช่วยกันในเรื่องของการออกแบบกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น

“ยกตัวอย่าง กิจกรรมตักบาตรคนเมืองที่จัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน เย็นวันศุกร์นักเรียนที่เป็นจิตอาสาจะมาช่วยเตรียมของ วันรุ่งขึ้นก็ชวนผู้ปกครองมาตักบาตร เสร็จงานนั่งกินข้าวร่วมกัน เป็นภาพที่น่ารัก ตอนแรกมีคนเข้าร่วมหลักสิบปัจจุบันหลักร้อย ทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง ผู้สูงอายุรอบๆ วัด บางคนรู้ข่าวจากโซเชียลมีเดีย

พระสุธีรัตนบัณฑิต พระนักพัฒนามากด้วยวิสัยทัศน์

หลังจากศูนย์เปิดให้บริการแล้ว แต่ละวันก็จะมีเด็กๆ จำนวนหนึ่งมาใช้ศูนย์การเรียนรู้ ทำการบ้านบ้าง อ่านหนังสือบ้าง รอพ่อแม่มารับ บางครั้งเด็กๆ ก็ได้สนทนาธรรมกับพระอาจารย์ที่ดูแลศูนย์ทำให้เด็กๆ มีความคุ้นเคยกับพระอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี 

“อาตมาต้องการขับเคลื่อนวัดไปในทิศทาง 3 ด้าน คือ ด้านกายภาพ เน้นการพัฒนาวัดให้มีความสะอาด ร่มรื่น โดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเข้ามา ด้านการพัฒนาวัดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของคนและชุมชน และการพัฒนาทางด้านปัญญา ทั้งสามด้านเราได้ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน

อีกอย่างอาตมาให้ความสำคัญกับงานศิลปะ ต้องการให้งานพุทธศิลป์เป็นเครื่องสื่อสารธรรมะให้กับประชาชน อยากให้ญาติโยมมาชมด้วยตัวเองที่โบสถ์วัดสุทธิฯ ผลงานของศิลปินชื่อดังทั้งนั้นที่มาวาดให้ นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นไปชมภาพศิลปะที่ศูนย์เรียนรู้พระพุทธศาสนาและการพัฒนาสังคมของวัดได้ด้วย” เจ้าอาวาสนักพัฒนา กล่าวทิ้งท้าย