posttoday

...สู่ชีวิตที่มีคุณค่า... ในปีใหม่

01 มกราคม 2560

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ... อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ระฆังจะบอกเวลาครบ ๓๖๕ วัน

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ... อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ระฆังจะบอกเวลาครบ ๓๖๕ วัน คงจะดังกังวานแผ่กว้างไปทั่วทุกมุมโลก เพื่อส่งสัญญาณบอกให้สัตว์โลก ได้ตื่นขึ้นมาสำรวจชีวิตตนเองอีกครั้งอย่างจริงจัง

บนเส้นทางของชีวิตที่ดูเหมือนดำเนินทอดตัวไปข้างหน้า แต่หากสังเกตด้วยสติปัญญาจะพบว่า ที่แท้มันวนเวียนอยู่ในวงรอบที่แสดงความเป็นวัฏฏะ... มีปรากฏสามัญลักษณะ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือเกิดกับตาย

ความเป็นธรรมดาของความเกิด-ดับ ... กลายเป็นความไม่ธรรมดาของสัตว์โลกที่ยากจะรู้จริงในสิ่งที่เห็น และยากที่จะเห็นจริงในสิ่งที่รู้... มันจึงรู้ผิด เห็นผิด ก่อเกิดวิปลาสแห่งจิตให้มีสัญญา จิต และทิฏฐิ วิปลาส อันนำไปสู่ความวิบัติ ที่ให้ผลที่สุดเป็นความทุกข์

เมื่อทิฏฐิผิดเพี้ยน เป็นมิจฉา... การปฏิบัติจึงดำเนินไปในทางมิจฉาปฏิบัติ... ที่สุดจึงวิบัติทั้งบรรพชิตที่ไม่รู้จักละ ... ทั้งญาติโยมที่มากไปด้วยโลภะแม้ในการสร้างคุณความดี อย่าว่าแต่ทำความชั่ว

เรื่องของเรื่องจึงยุ่งไปหมดทั้งศาสนจักรและอาณาจักร ดังปรากฏให้เห็นเป็นความวุ่นวายอลเวงในสังคมพุทธศาสนาบ้านเรา ... อะไรทำให้เป็นไป ...สิ่งเหล่านี้เกิดปรากฏมีขึ้นได้อย่างไร ขอสาธุชนพึงใช้สติปัญญากรองดู...

แม้สังคมจะมีกฎหมาย กฎระเบียบ เข้ามาควบคุมดูแล เพื่อรักษาระบบคุณธรรมของสังคมไว้ แต่มันเป็นเพียงแค่เครื่องมือชั่วคราว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นประโยชน์แห่งผู้ใช้มากกว่า ดังปรากฏว่า ใครมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ก็จะใช้อำนาจนั้นไปในทางที่อยุติธรรม ดุจโจรมีอาวุธสวมเครื่องแบบ

ทศพิธราชธรรม... จึงเป็นหลักธรรมเพื่อผู้บริหารประเทศ ... ข้าราชการบริหารแผ่นดิน ... นักการเมืองที่มุ่งหวังพัฒนาสังคมประเทศชาติ... ที่ต้องมีคุณภาวะทางจิตที่สมบูรณ์ด้วยศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม รวมย่อคือ คุณความดีในชั้นของมนุษย์...

...สู่ชีวิตที่มีคุณค่า... ในปีใหม่

 

คุณความดี ... คุณธรรม มิใช่ต้นมะละกอ ... ต้นมะม่วง จะได้ปลูกได้ตามใจชอบ ที่ไหนก็ได้ ...แต่หากต้องปลูกสร้างขึ้นในดวงจิต ... อันเป็นเครื่องหมายแห่งชีวิตที่เกิดมา... เมื่อจิตต้องมีความนึกคิด การสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นจึงต้องมีธรรมวิธีเป็นเฉพาะ ที่จะนำไปสู่การรู้และเข้าใจเรื่องของจิต

การรู้จักจิต ... จึงนำไปสู่การเรียนรู้ธรรมะในพระศาสนา เพราะชีวิตดำเนินอยู่ได้ด้วยเหตุปัจจัยของจิตยังมีอยู่... จิตแม้จะเป็นสิ่งลึกลับนามธรรม ก็สามารถเห็นลักษณะธรรมได้ โดยอาศัยสติปัญญาค้นคว้าตัวจิตให้พบ... เพื่อการอ่านจิตให้ออก ... บอกจิตให้ได้ จะได้ใช้จิตให้เป็นประโยชน์ เพื่อการควบคุมจิตให้อยู่ในอำนาจของตน ไม่ควรตกอยู่ในอำนาจของจิต...

ผู้เจริญสติมีปัญญาชำระล้างกิเลส จนจิตสะอาด สร้างความรู้ถูกความเห็นถูกเกิดขึ้น ... ก็ย่อมมีอำนาจคุณธรรมมาควบคุมความคิดความนึก ...สามารถละออกจากอารมณ์ใดๆ ที่จะนำไปสู่การตกเป็นทาสของโลกนี้ได้... นี่คือชีวิตในวิถีพุทธที่สาธุชนควรเข้าถึง

โลกจะสว่าง จิตจะสงบ ... อาณาจักรจะสวยงาม ศาสนจักรจะเรียบร้อย ...ไม่ต้องมานั่งวิตกกังวล ไม่ต้องมานึกคิดก่อเวรกรรม... โลกก็เป็นไปตามโลก ... ธรรมก็เป็นไปตามธรรม... จะอัตตา... ก็ธรรม จะอนัตตาก็ธรรม... ล้วนแล้วแต่ต้องละวาง... ถ้ารู้จริง ... เห็นจริง ... บริสุทธิ์จริง ...สิ่งที่ปรากฏ คือ การไม่ถือมั่นอะไรในโลกนี้ด้วยปัญญาที่รู้จริงในโลก... ว่า... มันเป็นธรรมดา... มันเป็นอย่างนี้... จะไม่เปลี่ยนไปจากความเป็นอย่างนี้... สัตว์โลกจึงควรหยุดทุรนทุราย ปล่อยให้โลกเป็นไปตามธรรมอย่างรู้และเข้าใจ ก็จะถึงความสงบสุขของจิต ที่รู้จักคำว่า รู้... ละ... วาง... ด้วยสติปัญญาที่เกิดจากการพัฒนาจิต อันเป็นไปตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ที่จะนำไปสู่มงคลชีวิตอย่างแท้จริงในเบื้องหน้าตลอดปี ๒๕๖๐

เจริญพร