logo-pwa

เพิ่ม Post Today

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
posttoday

‘ถ้าดวงเราดับเราก็ดับ’ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร

02 ตุลาคม 2559

นายตำรวจใหญ่ รูปร่างสูงสง่า พูดจาฉะฉานเสียงดัง ไม่ใช่ใครอื่น พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร

โดย...เอกชัย จั่นทอง

นายตำรวจใหญ่ รูปร่างสูงสง่า พูดจาฉะฉานเสียงดัง ไม่ใช่ใครอื่น พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เกษียณอายุราชการตำรวจได้เพียง 2 วัน เป็นนายตำรวจมือปราบจอมบู๊เติบโตมาในพื้นที่ บช.ภ.7 ทำคดีสำคัญมานับไม่ถ้วน จนได้รับสมญานามว่า “มือปราบขุนดง” หรือ “มือปราบศยามล” ซึ่งเป็นคดีดังซับซ้อนซ่อนเงื่อนกระทั่งถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ เรื่อง ศยามล

ย้อนกางบันทึกมือปราบ “รุ่นเก่า” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ชื่อของ พล.ต.ท.เรวัช ถือเป็นมือปราบ “รุ่นเก๋า” แนวหน้า จากผลงานที่โดดเด่นโลดแล่นในยุทธจักร
สีกากีมานาน จับปืนวิสามัญคนร้าย อภิบาลคนดี ช่วยสังคมมามากมาย หลายคดีถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว คลี่คลายความซับซ้อนลึกลับในทุกมิติทางคดี โจรผู้ร้ายต่างเกรงกลัวในชั้นเชิงฝีมือสังหารที่ฉกาจฉกรรจ์ จนได้สมญานามเป็นตำนานมือปราบที่โจรต้องสยบให้

‘ถ้าดวงเราดับเราก็ดับ’ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร

 

ในทุกคดี พล.ต.ท.เรวัช จะลงมาทำคดีด้วยตัวเอง กลายเป็นต้นแบบตำรวจที่เคียงข้างลูกน้อง ไม่เกรงกลัวอิทธิพล เติบโตจากผลงาน หลายเหตุการณ์ผ่านความเป็นความตายมาสารพัด ลุยป่าฝ่าดงจับคนร้ายทั่วทุกสารทิศ แต่รอดชีวิตกลับมาอย่างปลอดภัยทุกครั้ง นั่นแสดงว่าต้องมีเคล็ดลับหรือรูปแบบการทำงานที่แปลกแตกต่างอย่างแน่นอน

พล.ต.ท.เรวัช เล่าบอกเคล็ดไม่ลับ สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจทุกครั้งเวลาล่าวายร้ายว่า จะแขวนพระเป็นเหรียญ 25 พุทธศตวรรษ ปี 2499 ส่วนด้านหลังเหรียญพระเป็นล็อกเกตรูปพ่อแม่ นอกจากพระเครื่องแล้วยังมีมีดพกฝั่งติดเหรียญ 25 พุทธศตวรรษ ปี 2499 เช่นกัน ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะแขวนพกติดตัวทำงานและเดินทางเป็นประจำ จนบางครั้งเคยพกมีดขึ้นเครื่อง (หัวเราะ) ถามว่าองค์เท่าไหร่ 200 บาทเอง ห้อยมาหลายสิบปีแล้ว ส่วนพระเครื่องชื่อดังอื่นๆ ก็เก็บสะสมเป็นพุทธศิลป์ไว้

“เรานับถือพระก็ไหว้แค่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และไหว้พระคุณพ่อ พระคุณแม่ เวลากราบจะกราบ 5 ครั้ง ขออำนาจพุทธคุณให้ลูกแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตราย และพระคุณพ่อ พระคุณแม่ปกป้องลูกด้วย เมื่อพุทธคุณเราพร้อมแล้วให้นึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไปนึกถึงหลวงพ่อนั้นหลวงพ่อนี้ไม่ดี เพราะพระพุทธเจ้าใหญ่กว่าหลวงพ่อทุกองค์”

‘ถ้าดวงเราดับเราก็ดับ’ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร

 

เมื่อมีพระดียึดเหนี่ยวใจมือปราบจอมบู๊ เลยยิงคำถามว่าแล้วมีคาถาป้องกันตัวไหมนอกจากพระเครื่องและมีดพก ในฐานะมือปราบรุ่นเก๋า วงสนทนาเงียบชะงักสัก 10 วินาที ก่อนที่ พล.ต.ท.เรวัช จะสวนตอบว่า มี พร้อมยกสิบนิ้วพนมท่องคาถาว่า “นึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระคุณพ่อ พระคุณแม่ นะอุต โมอะ พุธยะ ทายัน ยะกันเข้าไว้ แคล้วคลาดปลอดภัย นะโม พุทธายะ ลุย”

“เวลาทำงานลงสนามเคียงบ่าเคียงไหล่กับลูกน้องพี่ลุยบุกเดี่ยวเข้าไปเอง ดวลกับโจรเป็นประจำ ถ้ากูตายลูกกูโตแล้ว เมียพอมีฐานะ แต่ลูกเมียมึงยังเดือดร้อน กูยิงเอง บุกเดี่ยวไปยิงไม่เคยโดนยิงสักครั้ง เสียงกระสุนปืนผ่านหูนับไม่ถ้วน”

พล.ต.ท.เรวัช หยิบยกเหตุการณ์ดวลปืน อย่างออกรสออกชาติว่า ในสมัยครองยศ “พันตำรวจเอก” เป็น รอง ผบก.เป็นหัวหน้าศูนย์สืบสวน ภ.7 นำกำลังตำรวจเข้าจับกุมตัวนายจารุวัฒน์ บุหลาด 1 ในกลุ่มมือปืนรายสำคัญ ในบังกะโลแห่งหนึ่ง จ.กระบี่ ก่อนจะมาขยายผลจนทราบว่า ส.ต.อ.ชัยวัฒน์ กำไล ซึ่งเป็นมือปืนลำดับ 5 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการตัวมากที่สุด ได้หนีมากบดานในพื้นที่ อ.เหนือคลอง เลยนำกำลังอาวุธครบมือล้อมบ้านไว้ หมาดันเห่าลูกน้องของ ส.ต.อ.ชัยวัฒน์ 3 คน เลยกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง

จากนั้นเลยขึ้นไปบนบ้านพร้อมเปรยบ่นว่า “ไอ้…มันหนีไปหมดแล้ว” ก่อนจะตรวจค้นดูเผื่อคนร้ายทิ้งปืนทิ้งหลักฐานไว้เวลาผ่านไปทุกอย่างเคลียร์ แต่เหลือเพี

‘ถ้าดวงเราดับเราก็ดับ’ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร

ยงกองผ้าห่มบริเวณระเบียงบ้าน ก็เอะใจเล็กน้อย เลยค่อยๆ ย่องเดินไปดู ทันใดนั้นปรากฏว่า ส.ต.อ.ชัววัฒน์ ยิงปืนสวนออกมา 6 นัด โชคดีเหลียวตัวหลบทัน เลยยิงสวนไป 1 นัด ส.ต.อ.ชัยวัฒน์ เสียชีวิตคาที่ นับเป็นเหตุการณ์ฉิวเฉียดที่ต้องจดจำไว้เป็นตำนาน

“ดวงเรายังไม่ตาย ให้มีพระดียังไง ถ้าดวงเราดับเราก็ดับ มันอยู่ที่คุณงามความดี และบุญเก่ากับบุญใหม่ที่เราสร้าง พี่ก็ไม่ใช่ตำรวจดี” พล.ต.ท.เรวัช บอกทิ้งท้าย