posttoday

น้ำท่วมหาดใหญ่ ระบบรัฐล้มเหลวจมมิด เสียงเตือนจากประชาธิปัตย์

03 ธันวาคม 2568

วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่สะท้อนความผิดพลาดเชิงระบบ ตั้งแต่การประเมินสถานการณ์คลาดเคลื่อน การสั่งการไม่เป็นเอกภาพ ถึงโครงสร้างรวมศูนย์ที่ทำให้ท้องถิ่นไร้อำนาจรับมือ

KEY

POINTS

  • การสั่งการผิดพลาด–ประสานงานล้มเหลว ระดับน้ำ-การอพยพ-ศูนย์บัญชาการ ไม่เชื่อมกัน
  • เรียกร้องใช้กฎหมายพิเศษและลดขั้นตอนราชการ เพื่อเยียวยาให้ถึงมือประชาชนเร็วที่สุด
  • เสนอปรับโครงสร้างน้ำ–กระจายอำนาจท้องถิ่น เพื่อป้องกันวิกฤตซ้ำและฟื้นเมืองยั่งยืน

น้ำท่วมหาดใหญ่: วิกฤตที่โปะเชื้อปัญหาเก่า–การเมืองใหม่ของการกระจายอำนาจ

เมื่อมหาอุทกภัยซัดเข้าหาดใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัว เมืองเศรษฐกิจใหญ่สุดของภาคใต้ตอนล่างกลับกลายเป็นทะเลน้ำเชี่ยวชั่วข้ามคืน และครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องภัยธรรมชาติ แต่เป็นภาพสะท้อน “ระบบบริหารจัดการน้ำ–ระบบบริหารประเทศ” ที่ไม่เคยแก้จริงจังมานานหลายสิบปี

เสียงวิจารณ์ที่ดังก้องที่สุดมาจาก ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และ ถาวร เสนเนียม อดีต สส.สงขลา สองคนเมืองผู้เห็นหน้าเห็นหลังน้ำหาดใหญ่มานับรอบ

พวกเขาเห็นความเสียหายครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติภัยธรรมดา แต่เป็นสัญญาณชัดเจนว่า “ระบบล้มเหลวตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”

เมื่อคำว่า ‘เอาอยู่’ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด

การประเมินสถานการณ์ผิดพลาดคือบาดแผลแรกที่เห็นเต็มตา ทั้งจากฝั่งท้องถิ่นและส่วนภูมิภาค

นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่  ‘นายกแป้น’ แม้เตรียมการด้านเครื่องสูบ ขุดลอกคลอง ตรวจเช็กระบบอย่างเต็มที่ แต่การไลฟ์สดประกาศว่า “หาดใหญ่เอาอยู่” กลายเป็นชนวนทำให้ประชาชนประมาท ไม่รีบขนของ และคิดว่ารัฐประเมินแล้วว่าสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง

"ถาวร" ชี้ว่า นายกเทศมนตรีไม่จำเป็นต้องลาออก แต่ต้องอยู่พิสูจน์ฝีมือการฟื้นฟูและแก้โครงสร้างน้ำให้เมืองกลับมายืนได้มั่นคงกว่าเดิม

ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ก็ถูกตั้งคำถามเรื่องการประเมินปริมาณน้ำจากต้นทางผิดพลาด แม้จะย้ายมาประจำไม่กี่เดือน แต่ก็ถือว่ามีอำนาจสั่งการและควรตั้ง “ศูนย์บัญชาการร่วม” ให้การอพยพและการสื่อสารเป็นหนึ่งเดียว แต่กลับไม่เกิดขึ้น

ภาพใหญ่ที่เห็นชัด: รัฐรวมศูนย์ แต่การสั่งการขาดตอน

ทั้ง"ชัยชนะ"และ"ถาวร" ชี้ตรงกันว่า ความล้มเหลวของระบบราชการรวมศูนย์ คือหัวใจของวิกฤตครั้งนี้

  • ส่วนกลางรอรายงานจากส่วนล่าง
  • ส่วนล่างรอคำสั่งจากส่วนบน
  • ท้องถิ่นทำงานเองได้ไม่เต็มที่เพราะต้องขออนุมัติทุกขั้น

ผลลัพธ์คือการอพยพ–การช่วยเหลือ–การตั้งศูนย์บัญชาการ
ล่าช้าเกินไป 2–3 วันในสถานการณ์ที่ควรนับเวลาเป็นชั่วโมง

ตัวเลขน้ำที่เกินศักยภาพเมืองตั้งแต่ต้น

ชัดเจนว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้าหาดใหญ่ 2,600 ลบ.ม./วินาที เกินความสามารถระบบระบายซึ่งรองรับได้เพียง 2,000 ลบ.ม./วินาที นี่คือสัญญาณเตือนมานาน แต่ไม่เคยมีการขยายคลอง–เพิ่มช่องระบาย–หรือสร้างระบบใหม่รองรับความจริงที่เปลี่ยนไป

น้ำท่วมครั้งนี้จึงกลายเป็น “ที่สุดในประวัติศาสตร์หาดใหญ่” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังน้ำลด: รัฐติดกับดักเอกสาร–ประชาชนรอเยียวยา

สิ่งที่รออยู่หลังน้ำคือกองขยะหลายแสนตันที่ต้องกำจัดใน 14 วันตามคำสั่งนายกฯ
แต่ทั้งชัยชนะและถาวรตั้งคำถามว่า “เป็นไปได้จริงหรือ?”

ด้านเงินเยียวยา 9,000 บาทที่ควรถึงมือประชาชนเร็วที่สุด กลับติด ด่านราชการและความกลัวหน่วยตรวจสอบ ทำให้การขอเอกสารซับซ้อนเกินไป เช่น ต้องทำประชาคม หรือหาหลักฐานที่หายไปกับน้ำท่วม

ชัยชนะเสนอว่า
“จ่ายตามบ้านเลขที่ที่ถูกน้ำก่อน แล้วค่อยตรวจทีหลัง”
เพื่อให้คนเดือดร้อนรับเงินทันที

ใช้อำนาจพิเศษปลดล็อกระบบราชการที่ช้าเกินไป

ถาวรเสนอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกประกาศตาม มาตรา 17 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่จากความผิดทั้งอาญา–แพ่ง–วินัย หากทำงานสุจริตและจำเป็นเร่งด่วน

นี่คือทางลัดสำคัญที่ทำให้การฟื้นฟูเร็วขึ้น โดยไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่กลัว “ผิดระเบียบ” มากกว่ากลัว “ประชาชนเดือดร้อน”

บทเรียนใหญ่สุด: ถึงเวลาปฏิวัติระบบกระจายอำนาจไทย

เสียงเรียกร้องจากสองนักการเมืองสีฟ้าไปในทิศทางเดียวกัน
ถ้าไม่กระจายอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่น วิกฤตแบบนี้จะเกิดซ้ำ

  • งบประมาณปีนี้กระจายสู่ท้องถิ่นไม่ถึง 30% ทั้งที่รัฐธรรมนูญ 2540 ระบุขั้นต่ำ 35%
  • ท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง แต่สั่งการแทบไม่ได้เพราะขาดอำนาจจัดซื้อ–จัดจ้าง
  • ถ้ารัฐบาลต้องการให้ขยะหลายแสนตันถูกกำจัดภายใน 14 วัน ต้อง มอบอำนาจตรงให้เทศบาล

อนาคตหาดใหญ่: วิกฤตนี้คือโอกาสเริ่มต้นระบบใหม่

"ถาวร"เสนอให้รัฐบาลทบทวนโครงสร้างน้ำทั้งระบบ ขยายคลองหลัก ร.1 และคลองสายรอง หรือขุดคลองเพิ่ม เพื่อนำน้ำลงทะเลเร็วขึ้น เพราะหาดใหญ่คือ “หัวใจเศรษฐกิจใต้” ที่ไม่อาจถูกปล่อยให้จมซ้ำ

ทั้ง"ถาวร"และ"ชัยชนะ"เชื่อว่า หาดใหญ่จะฟื้นกลับได้และอาจกลับมาดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ หากรัฐบาลคืนความสุขให้ประชาชนก่อนปีใหม่ ด้วยเมืองที่สะอาด ปลอดภัย และมีแผนป้องกันน้ำท่วมชัดเจนระยะยาว

น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้ท่วมเพียงถนนและบ้านเรือน แต่ท่วม “ระบบราชการรวมศูนย์” ของไทยจนเห็นทุกรอยต่อที่หลวมคลอนอย่างชัดเจน

วิกฤตนี้จึงไม่ใช่เพียงบททดสอบการบริหาร แต่คือสัญญาณเตือนว่า ถ้าไม่กล้ากระจายอำนาจ และไม่กล้าใช้เครื่องมือพิเศษในยามคับขัน เมืองใหญ่ของประเทศจะไม่มีวันยืนหยัดสู้ภัยพิบัติในศตวรรษใหม่ได้เลย

ที่มา : รายการคมชัดลึก (คลิ๊กชม)
เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง 

 

 

ข่าวล่าสุด

Smart Money 25 สถาบันฯ ลุย ขับเคลื่อน การลงทุนมั่นคง