ข้อเท็จจริง MOU43ไทย–กัมพูชา เขตแดนชัดไม่ได้สร้างใหม่
สรุปสาระบันทึกความเข้าใจปี 2543 ไทย–กัมพูชา จากคำชี้แจงของกรมแผนที่ทหารและกรมสนธิสัญญาฯ ชัดเจนว่าไม่ใช่ข้อตกลงสร้างเขตแดนใหม่ แต่เป็นการ “ชี้เขตที่มีอยู่แล้ว”
KEY
POINTS
- MOU ปี 2543 มีเป้าหมายเพื่อทำให้เขตแดนที่มีอยู่แล้วตามสนธิสัญญาเดิมมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ใช่การสร้างเขตแดนใหม่
- ใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมกันเพื่อความแม่นยำ
- เป็นเครื่องมือทางกฎหมายในการเจรจาอย่างสันติบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อปกป้องอธิปไตย
MOU 2543: ชี้เขตเดิม ไม่สร้างใหม่
นายทรงชัย ชัยปฏิยุทธ รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ชี้ชัดว่า “บันทึกความเข้าใจปี 2543” มีสถานะเป็น สนธิสัญญา ที่ผ่านกระบวนการทางกฎหมายอย่างสมบูรณ์ เป้าหมายคือ “ทำให้เขตแดนที่มีอยู่แล้วระหว่างไทยกับกัมพูชาชัดเจนยิ่งขึ้น” โดยยึดตาม สนธิสัญญา 1904 และ 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ซึ่งกัมพูชาสืบสิทธิ์ต่อมา ไม่ได้สร้างเขตแดนใหม่แต่เป็นการ “ชี้สิ่งที่มีอยู่แล้ว” ให้แน่นอนทางภูมิศาสตร์
หลักฐานที่ใช้ประกอบการชี้เขตประกอบด้วย สนธิสัญญาทั้งสองฉบับ แผนที่ที่จัดทำตามสนธิสัญญา และเอกสารประกอบการใช้บังคับในอดีต อารัมภบทของ MOU ระบุชัดว่า “การมีเขตแดนที่ชัดเจนจะให้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ”
กลไกสำรวจร่วมและเทคโนโลยีใหม่
พลโท ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร อธิบายว่า แนวชายแดนไทย–กัมพูชายาว 798 กิโลเมตร แบ่งเป็น
- สันปันน้ำ 524 กม.
- ลำน้ำ 216 กม.
- เส้นตรง 58 กม.
ภายใต้กรอบ MOU ได้เริ่มปฏิบัติจริงปี 2549 โดยแบ่งขั้นตอนสำรวจเป็น 5 ช่วง ตั้งแต่ค้นหาหลักเขตเดิม 74 หลัก ไปจนถึงการใช้ เทคโนโลยี LiDAR เพื่อระบุแนวสันปันน้ำที่แม่นยำยิ่งขึ้น
จนถึงปัจจุบัน ไทย–กัมพูชาสำรวจแล้วกว่า 602 กิโลเมตร เห็นตรงกัน 45 หลัก เหลือ 29 หลักที่ยังไม่ลงรอยกัน ขณะที่พื้นที่อีก 196 กิโลเมตรซึ่งไม่เคยมีหลักเขต จะใช้เทคโนโลยี LiDAR กำหนดแนวใหม่อย่างละเอียด และเมื่อปักปันเสร็จจะต้องมีการจัดทำ แผนที่ร่วมฉบับใหม่พร้อม “สนธิสัญญาปิดงาน” เสนอสภาให้เห็นชอบ
สถานะของแผนที่: ยืนยันสิทธิ์ไทย
แผนที่ 1:200,000 ที่ใช้มาตั้งแต่ยุคฝรั่งเศส ถือว่าหยาบเกินไป ไม่สามารถใช้กำหนดเส้นเขตในภูมิประเทศได้ ส่วนแผนที่ 1:50,000 ที่กรมแผนที่ทหารจัดทำเอง เป็นเอกสารภายในประเทศ ใช้ในงานความมั่นคงและพัฒนา แต่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ
MOU 2543: กลไกสันติรักษาอธิปไตย
บันทึกนี้ตั้งกลไก คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อเจรจาอย่างสันติ และมีข้อกำหนดสำคัญคือ
- ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศระหว่างสำรวจ
- ใช้สิทธิ์ประท้วงทางการทูต หากอีกฝ่ายกระทำละเมิด
กลไกนี้เป็นเครื่องมือปกป้องอธิปไตยของไทยในเชิงกฎหมายและยุทธศาสตร์ หากยกเลิก MOU ทั้งกระบวนการเจรจาและผลงาน 45 หลักที่เห็นพ้องจะสูญสิ้น พร้อมกับโต๊ะเจรจาที่ไทยยังคง “คุมเกมได้”
ทั้งสองหน่วยงานจึงย้ำตรงกันว่า MOU 2543 ไม่ใช่ภัยต่ออธิปไตย หากแต่เป็น **กลไกแห่งเหตุผลและวิทยาศาสตร์** ที่ทำให้ปัญหาเขตแดนอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความรู้สึก.
ที่มา : รายการคมชัดลึก (คลิ๊กชม)
เรียบเรียง: อมรเดช ชูสวรรณ


