posttoday

"สิริพงษ์"เผยหมากภูมิใจไทย4เดือนปูฐานบ้านใหญ่สู่เลือกตั้ง69

26 กันยายน 2568

วิเคราะห์กลยุทธ์ภูมิใจไทย 4 เดือน ผ่านสิริพงษ์ รองหัวหน้าพรรค เน้นแก้ปัญหาใกล้ตัว ขยายบ้านใหญ่ หวัง สส.เกิน 100 ที่นั่ง ศึกเลือกตั้ง 69

KEY

POINTS

  • ภูมิใจไทยใช้เวลา 4 เดือนพิสูจน์ผลงานผ่านนโยบายเร่งด่วนที่จับต้องได้ เช่น การลดค่าครองชีพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นภายใต้สโลแกน "พูดแล้วทำ"
  • แก้ข้อครหาประชานิยมโดยชี้แจงว่านโยบายต่างๆ เป็นการปรับโครงสร้างเพื่อความยั่งยืน ไม่ใช่การแจกเงิน เช่น การแก้หนี้ครัวเรือนและช่วยเหลือ SMEs
  • ขยายฐานเสียงโดยดึงกลุ่มการเมือง "บ้านใหญ่" และอดีต สส. จากพรรคอื่นเข้าร่วม เพื่อสร้างเครือข่ายที่มั่นคง ตั้งเป้าหมาย ส.ส. เกิน 100 ที่นั่งในการเลือกตั้งปี 2569

120 วันพิสูจน์ฝีมือ – ภท.ชู “พูดแล้วทำ”

ทันทีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นนั่งนายกรัฐมนตรี บทพิสูจน์ของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็เริ่มต้นขึ้น เวลาที่มีอยู่เพียง 4 เดือนก่อนยุบสภาถูกเปรียบเสมือนสนามสอบใหญ่ที่ต้องแสดงผลงานเชิงประจักษ์ให้ประชาชนเห็น

นโยบายเร่งด่วนถูกปล่อยทันที ทั้งการลดค่าครองชีพ ค่าพลังงาน ค่าเดินทาง และการขยายโครงการ “คนละครึ่ง” ที่สะท้อนการแก้ปัญหาใกล้ตัวมากกว่าการวาดภาพไกลเกินจริง

"สิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ" รองหัวหน้าพรรค ภท. อธิบายว่า “รัฐบาลนี้เหมือนนักเรียนสอบไล่ เราต้องแสดงให้เห็นว่าภายในเวลาอันสั้น เราแก้ปัญหาได้จริง ไม่ใช่แค่พูดบนเวที”

นอกจากเศรษฐกิจ ภท. ยังยกประเด็นชายแดนไทย–กัมพูชาขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเตรียมจัดประชามติว่าด้วย MOU 2543–2544 เพื่อตัดสินใจร่วมกันว่าจะเดินหน้าหรือยกเลิก เครื่องมือนี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างความชอบธรรมและความไว้วางใจจากประชาชน
 

รับมือข้อครหา – จากประชานิยมสู่การปรับโครงสร้าง

เสียงวิจารณ์ที่ถาโถมเข้ามาคือ ภท. ใช้นโยบายประชานิยม แต่สิริพงษ์ปฏิเสธตรง ๆ ว่า “สิ่งที่เรากำลังทำคือปรับโครงสร้างเพื่อความยั่งยืน ไม่ใช่ลดแลกแจกแถม”

สิริพงษ์ ยกตัวอย่างมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนรายย่อยไม่เกิน 1 แสนบาท และช่วยเหลือ SMEs ขนาดเล็กทุนจดทะเบียนไม่เกิน 2 ล้านบาท ด้วยการรวมหนี้ ขยายเวลา และลดดอกเบี้ย “นี่ไม่ใช่การอุ้ม แต่เป็นการคืนสภาพคล่องให้คนกลับมาเป็นลูกหนี้ชั้นดี”

ในเรื่อง “คนละครึ่ง” สิริพงษ์ย้ำว่า นี่คือ co-payment ไม่ใช่การแจกฟรี แต่เป็นการร่วมจ่ายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายจริง ขณะเดียวกัน พรรคก็พยายามแก้ข้อกังวลของผู้เสียภาษีและผู้ค้ารายย่อย เช่น เสนอให้ใช้ใบกำกับภาษีลดหย่อน หรือเปิดโอกาสให้นิติบุคคลขนาดเล็กเข้าร่วมโครงการ

นอกจากนี้ ภท. ยังวางน้ำหนักไปที่การลงทุนในทักษะแรงงานใหม่ ผ่านโครงการ Reskill–Upskill–New Skill เพื่อให้สังคมเชื่อว่า นี่คือการสร้างฐานอนาคต ไม่ใช่เพียงหาเสียงชั่วคราว
 

บ้านใหญ่–เครือข่ายการเมือง และเป้าหมาย 100 ที่นั่ง

ในสนามการเมือง สิริพงษ์ยอมรับว่าพลัง “บ้านใหญ่” คือฟันเฟืองสำคัญต่อการขยายฐานเสียง ภายในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลายกลุ่มใหญ่จากสุราษฎร์ธานีจนถึงอดีต สส. รวมไทยสร้างชาติ 16 คน ไหลเข้ามาสู่ร่มธง ภท.

“นี่ไม่ใช่แค่การเสริมจำนวน แต่คือการสร้างเครือข่ายที่มั่นคงและหลากหลาย” สิริพงษ์อธิบายและชี้ว่า พรรคไม่หวังเป็นเสียงข้างมากโดดเดี่ยว แต่ตั้งเป้าสร้างสมดุลกับพันธมิตรทางการเมือง

เป้าหมายไม่เป็นทางการถูกตั้งไว้ชัดเจน สส. เขต 100 ที่นั่ง บัญชีรายชื่อ 20–30 ที่นั่ง สอดคล้องกับคะแนนนิยมที่พุ่งขึ้นแตะ 10–20% จากเดิมต่ำกว่า 10% โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่พรรคเลือกชูเรื่องค่าครองชีพและระบบขนส่งสาธารณะ

“ถ้าเราชนะใจคนเมืองได้ ภท. จะก้าวพ้นพรรคภูมิภาค และกลายเป็นพรรคใหญ่ระดับชาติ” สิริพงษ์กล่าวพร้อมย้ำว่าการปฏิรูปกฎหมายและระบบราชการจะเป็นตัวพิสูจน์คำว่า “พูดแล้วทำ”  

การเดินหมาก 4 เดือนของภูมิใจไทยคือการทดสอบศรัทธาประชาชน สิริพงษ์ในฐานะคนวงในถ่ายทอดชัดว่า ภท. เลือกเน้นนโยบายใกล้ตัว แก้ข้อครหาประชานิยมด้วยโครงสร้างยั่งยืน และขยายฐานผ่านบ้านใหญ่ เพื่อปูทางไปสู่เป้าหมายเกิน 100 ที่นั่งในการเลือกตั้ง 69

ที่มาประกอบรายงานเชิงวิเคราะห์ รายการคมชัดลึก

ข่าวล่าสุด

ธุรกิจรับสร้างบ้านปี 68: 'Real Demand' ยังแกร่ง บุกตลาด ตจว. ปี 69