posttoday

ประชาธิปัตย์บนทางแยก จุดเปลี่ยนพรรคสีฟ้า ฟื้นศรัทธาหรือถดถอย

18 กันยายน 2568

การลาออกของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เปิดศึกเลือกหัวหน้าพรรค ปชป. คนใหม่ ชี้ชะตาฟื้นศรัทธาหรือถดถอยต่อ ท่ามกลางแรงกดดันทั้งในและนอกพรรค

KEY

POINTS

  • จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ – การลาออกของหัวหน้าพรรคทำให้กรรมการบริหารพรรคสิ้นสุดลง และต้องเลือกผู้นำใหม่ภายใน 50 วัน
  • ศึกแคนดิเดต – ชื่อที่ถูกพูดถึงได้แก่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, กรณ์ จาติกวณิช, มาดามแป้ง และเดชอิศม์ ขาวทอง แต่ละคนมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
  • เดิมพันอนาคตพรรค – ปชป. ต้องเร่งฟื้นฐานเสียงภาคใต้และสร้างภาพลักษณ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจถอยสู่การเป็น “อดีตพรรคใหญ่”
     

พรรคประชาธิปัตย์บนทางแยก“เฉลิมชัย”ลาออก  

สถานการณ์พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าสู่ทางแยกสำคัญอีกครั้ง หลังจากที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพ แต่การเมืองไทยรู้กันว่าการตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนปัญหาลึกกว่าที่เห็น เขายืนยันว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วและทำให้พรรคเสียหายน้อยที่สุด อีกทั้งยังต้องการ “ปลดล็อก” เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่และผู้มีความสามารถเข้ามาบริหาร พรรค พร้อมประกาศว่าจะยังเป็นสมาชิกพรรค แต่ขอพักรักษาตัว

การลาออกทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันสิ้นสุดวาระโดยอัตโนมัติ พรรคต้องจัดประชุมใหญ่เพื่อกำหนดวันเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ภายใน 50 วัน คาดว่าจะได้ผู้นำใหม่ราวปลายเดือนตุลาคม การเปลี่ยนผ่านนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องตำแหน่ง หากแต่เป็นโอกาสในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของพรรคที่ถูกมองว่าตกต่ำที่สุดในรอบเกือบ 90 ปี

แม้ ปชป. จะเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2489 และเคยมีหัวหน้าพรรคที่เป็นสัญลักษณ์อย่าง ควง อภัยวงศ์, ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช, ชวน หลีกภัย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่วันนี้พรรคกลับกลายเป็น “พรรคไร้กระแส” สมาชิกระดับแม่เหล็กทยอยออก ผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดสะท้อนการสูญเสียฐานเสียงทั้งภาคใต้และเมืองหลวง ทำให้ภาพลักษณ์พรรคเก่า–ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่เด่นชัดขึ้น
 

เลือกผู้นำใหม่โจทย์ที่ท้าทายการฟื้นฟู

หลังการลาออกของนายเฉลิมชัย การขับเคลื่อนเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่เริ่มเป็นที่จับตาอย่างมาก เนื่องจากจะเป็นตัวแปรชี้ชะตาว่าพรรคจะฟื้นตัวหรือถดถอยต่อไป

1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคืออดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคคนเก่า แม้เคยประกาศวางมือ แต่ยังมีแรงหนุนจาก นายชวน หลีกภัย, นายนิพนธ์ บุญญามณี, นายจุรินทร์ ลักษณวิสิทธิ์ รวมถึง ส.ส. เก่าหลายคนและสมาชิกใหม่ที่ต้องการพลังนำ นายอภิสิทธิ์มีคะแนนนิยมในอดีตสูงถึง 12 ล้านเสียง และแม้ปัจจุบันพรรคเหลือ ส.ส. เพียง 25 คน เขายังถูกมองว่าสามารถดึงคะแนนคืนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ และตรึงฐานเสียงภาคใต้ได้ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือภาพลักษณ์ “สินค้าเก่า” ที่อาจไม่ดึงดูดคนรุ่นใหม่

2. นายกรณ์ จาติกวณิช
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตแกนนำ ปชป. ที่เคยพยายามสร้างพรรคใหม่ แต่ยังคงมีเครือข่ายสนับสนุน การกลับมาครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นอีกทางเลือกที่เน้นวิสัยทัศน์เศรษฐกิจสมัยใหม่

3. มาดามแป้ง – นวลพรรณ ล่ำซำ
ชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในฐานะ “คนนอกการเมือง” ที่อาจสร้างสีสัน มีฐานแฟนคลับ ภาพลักษณ์ดี และประสบการณ์บริหารเอกชน ขณะเดียวกันยังถูกมองว่าสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอำนาจบางกลุ่มได้ แต่การก้าวสู่การเมืองเต็มตัวของเธอยังเป็นเพียงความเป็นไปได้

4. นายเดชอิศม์ ขาวทอง
เลขาธิการพรรคที่ถูกเชื่อมโยงกับความขัดแย้งภายในจนเป็นชนวนให้หัวหน้าพรรคลาออก แม้มีบทบาทสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่โอกาสจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคถือว่าน้อย

5. แคนดิเดตอื่น ๆ เช่น นายจุรินทร์ ลักษณวิสิทธิ์ และนายชวน หลีกภัย แม้มีเครดิตทางการเมืองสูง แต่ไม่ถูกมองว่าเป็นทางเลือกหลักในรอบนี้

ศึกเลือกหัวหน้าพรรคจึงไม่ใช่แค่การแข่งขันของบุคคล แต่เป็นการต่อสู้ทางอุดมการณ์ ว่าพรรคจะหวนกลับสู่จุดแข็งเดิมในฐานะพรรคสถาบันที่ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยเสรีนิยม หรือจะปรับตัวเพื่อแสวงหาความอยู่รอดในสมรภูมิการเมืองยุคใหม่

โจทย์ประชาธิปัตย์หลังได้ผู้นำใหม่ ฟื้นฟูพรรคทั้งระบบ

การสร้างเอกภาพภายใน
พรรคต้องยุติความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นสายภาคใต้ดั้งเดิมหรือสายเมืองกรุง การหาผู้นำที่ทุกฝ่ายยอมรับได้เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อไม่ให้การแตกตัวดำเนินต่อ

การยึดฐานเสียงเดิมกลับคืน
การสูญเสียที่มั่นในภาคใต้ถือเป็นบาดแผลใหญ่ พรรคจำเป็นต้องฟื้นความไว้วางใจจากประชาชน ผ่านการลงพื้นที่จริงจังและการนำเสนอผู้สมัครที่เข้าถึงชาวบ้าน

การตอบโจทย์สังคมใหม่
ปชป. ต้องขยับจากภาพพรรคอนุรักษนิยมเก่า สู่การเป็นพรรคที่ตอบสนองต่อประเด็นยุคใหม่ เช่น ความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจฐานราก นโยบายสิ่งแวดล้อม และการศึกษา หากยังคงยึดติดกับแนวทางเดิม โอกาสแข่งขันกับก้าวไกลหรือเพื่อไทยจะยิ่งลดลง

การสร้างพันธมิตรทางการเมือง
ในยุคที่พรรคการเมืองขนาดกลางและเล็กมีบทบาท พรรคประชาธิปัตย์อาจต้องมองหาความร่วมมือเพื่อเพิ่มพลังต่อรอง ไม่ว่าจะในบทบาทรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

พรรคประชาธิปัตย์ยืนอยู่บนทางแยกครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง หากสามารถเลือกผู้นำที่มีทั้งบารมีและวิสัยทัศน์ พร้อมฟื้นอุดมการณ์ดั้งเดิมและปรับตัวเข้ากับยุคสมัย

พรรคยังมีโอกาสกลับมาเป็นเสาหลักของการเมืองไทย แต่หากปล่อยให้ความขัดแย้งและภาพลักษณ์พรรคเก่าครอบงำต่อไป ความเสี่ยงที่จะกลายเป็นเพียง “อดีตพรรคใหญ่” ก็อยู่ไม่ไกล

ข่าวล่าสุด

กัมพูชาเปิดฉากยิงช่องอานม้า ฝ่ายไทยสูญเสีย ยังปะทะเดือด