posttoday

“ประชาธิปัตย์” ผลัดใบครั้งสำคัญ สู่ทางแยกใหม่ หลังเฉลิมชัยลาออก

16 กันยายน 2568

การลาออกของเฉลิมชัยเปิดฉากผลัดใบครั้งสำคัญ ประชาธิปัตย์ต้องเร่งหาผู้นำใหม่ ฟื้นฟูศรัทธา กอบกู้ฐานเสียงภาคใต้ และดึงดูดคนรุ่นใหม่

KEY

POINTS

  • การลาออกของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน จากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งมีสาเหตุจากปัญหาสุขภาพและความขัดแย้งภายใน ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เผชิญภาวะสุญญากาศผู้นำท่ามกลางวิกฤตคะแนนนิยม
  • พรรคกำลังอยู่บนทางแยกในการสรรหาผู้นำคนใหม่ โดยมีชื่อของอดีตแกนนำอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นความหวังในการฟื้นฟูพรรค
  • แนวทางการฟื้นฟูพรรคในอนาคตจำเป็นต้องกลับมายึดมั่นอุดมการณ์ต้านทุจริต สร้างนโยบายที่ทันสมัย ควบคู่ไปกับการกอบกู้ฐานเสียงเดิมและดึงดูดคนรุ่นใหม่

การลาออกของเฉลิมชัย และแรงสั่นสะเทือนในพรรค

การประกาศลาออกของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน จากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองของพรรคเก่าแก่ที่สุดในไทย แม้เหตุผลที่เปิดเผยต่อสาธารณะคือปัญหาสุขภาพ แต่เบื้องหลังกลับสะท้อนความซับซ้อนทางการเมืองภายใน ทั้งความเหนื่อยล้าส่วนตัวและความขัดแย้งกับทีมงาน โดยเฉพาะกรณีที่เลขาธิการพรรคมีการเจรจาตั้งรัฐบาลโดยไม่ได้แจ้งหัวหน้าพรรค สะท้อนรอยร้าวด้านการประสานงานและความไว้เนื้อเชื่อใจ

การลาออกครั้งนี้ถูกตีความว่าเป็นการ "เสียสละ" ของเฉลิมชัย ไม่ต้องการให้ปัญหาภายในบานปลายจนทำร้ายพรรค ทว่าก็ทำให้ประชาธิปัตย์กลับมาอยู่ในสภาวะสุญญากาศของผู้นำอีกครั้ง ในขณะที่สถานการณ์ของพรรคไม่สู้ดี ทั้งจำนวน ส.ส. ที่ลดลงต่อเนื่องและคะแนนนิยมที่ตกต่ำอย่างรุนแรง จากร้อยละ 35 ในอดีต เหลือเพียงร้อยละ 2.4 ในปัจจุบัน

สถานการณ์ดังกล่าวชี้ชัดว่า พรรคไม่อาจอาศัยเพียงชื่อเสียงเก่าได้อีกต่อไป หากปรารถนาจะฟื้นตัว จำเป็นต้องเร่งหาผู้นำใหม่ที่มีพลังและสามารถเชื่อมโยงทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง
 

ผู้นำคนใหม่ – ความหวังและการแข่งขันภายใน

ชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรค แม้จะเป็น “คนหน้าเก่า” แต่ยังคงมีคะแนนนิยมส่วนบุคคลที่แข็งแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สนับสนุนเดิมและฐานเสียงภาคใต้ เงื่อนไขที่เจ้าตัวเคยวางไว้คือ “พรรคประชาธิปัตย์ต้องกลับสู่อุดมการณ์ดั้งเดิม” การยืนหยัดต่อต้านการทุจริตและการเมืองที่โปร่งใส หากเป็นเช่นนั้น เขาอาจกลับมารับไม้ผู้นำอีกครั้ง

อีกชื่อหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตแกนนำสายเศรษฐกิจ แม้จะเคยออกไปทำพรรคใหม่ แต่ก็ยังมีภาพลักษณ์ทันสมัยและเชื่อมโยงกับคนเมืองได้ดี หากเขากลับมา ประชาธิปัตย์อาจได้แนวทางการเมืองที่เน้นเศรษฐกิจยุคใหม่มากขึ้น

การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งต่อไปจึงอาจกลายเป็นเวทีแข่งขันของ "คนหน้าเก่า" ที่ต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถเป็น “ความใหม่ที่แท้จริง” ได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน กรรมการบริหารพรรคจำนวนไม่น้อยยังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของเฉลิมชัย ซึ่งมีความสัมพันธ์ดีกับอภิสิทธิ์มากกว่าเลขาธิการพรรค นี่อาจเป็นปัจจัยที่เอื้อให้อภิสิทธิ์กลับมามีบทบาทนำ

เพื่อหลีกเลี่ยงการแตกคะแนนเสียง การพูดคุยระหว่างผู้นำเก่า เช่น อภิสิทธิ์และกรณ์ อาจจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพื่อหาตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
 

กลยุทธ์ฟื้นฟู และแนวโน้มอนาคต

อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ง่ายดาย การฟื้นฟูต้องใช้เวลาและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน

ยึดมั่นอุดมการณ์ – พรรคต้องกลับไปสู่รากเหง้าเรื่องการเมืองสะอาด โปร่งใส ต่อต้านคอร์รัปชัน นี่คือจุดแข็งที่ประชาชนยังต้องการ และเป็นเครื่องหมายการค้าทางการเมืองที่หายไปในช่วงหลัง

นโยบายทันสมัย – พรรคต้องนำเสนอแนวทางที่ตอบโจทย์สังคมยุคใหม่ ทั้งการศึกษา การสวัสดิการผู้สูงอายุ ระบบสาธารณสุข และการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากและการท่องเที่ยว

ฟื้นฟูฐานเสียงเดิม – โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเป็นฐานที่มั่น แม้จำนวน ส.ส. ลดจากกว่า 50 เหลือเพียง 17 ที่นั่ง พรรคตั้งเป้าที่จะเพิ่มจาก 25 เป็น 50 ที่นั่ง โดยการกู้พื้นที่เดิม เช่น ชุมพร และบางเขตของกรุงเทพมหานคร

ดึงดูดคนรุ่นใหม่ – ความท้าทายใหญ่คือการเข้าถึง Gen Z ที่เติบโตกับการเมืองแบบดิจิทัล การมีบุคลากรสดใหม่และการสื่อสารที่เข้ากับยุคสมัยจึงเป็นหัวใจสำคัญ

ผู้นำที่จริงใจและกล้าหาญ – บุคลิกของผู้นำพรรคต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าพร้อมทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ต้องเผชิญแรงต้าน และต้องปราศจากข้อครหาทางคอร์รัปชัน

แนวโน้มในอนาคต

หากอภิสิทธิ์กลับมาและสามารถรวมทีมบุคลากรทั้งเก่าและใหม่ได้สำเร็จ พรรคมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเป็น “พรรคขนาดกลาง” ที่มีอิทธิพลต่อการเมืองไทย แม้จะยังไม่สามารถกลับมายิ่งใหญ่ดังอดีต แต่สามารถสร้างบทบาทสำคัญในเวทีรัฐสภาได้ โดยเฉพาะหากสามารถรักษาฐานภาคใต้และเจาะคนรุ่นใหม่ได้สำเร็จ

การฟื้นฟูนี้จะเป็นการเดินทางระยะยาวที่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง ความจริงใจ และความกล้าหาญในการปฏิรูปภายใน พรรคประชาธิปัตย์จึงอยู่ในช่วงผลัดใบครั้งใหญ่ และโอกาสที่จะกลับมาโดดเด่นในการเมืองไทยยังมี หากพรรคเรียนรู้จากอดีตและเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงในอุดมการณ์.

ข่าวล่าสุด

กลยุทธ์ใหม่ Meta ดึงฐานข้อมูลข่าว CNN - Fox ยกระดับ AI ให้รู้ทันโลก