ทักษิณNever Dieเพื่อไทยไม่ตายทางการเมือง บทบาทฝ่ายค้านบนทางแยก
อดีตนายกฯ ทักษิณยังเป็นสัญลักษณ์การเมือง แม้รับโทษคดี พรรคเพื่อไทยเผชิญโจทย์หนักทั้งภายใน–โครงสร้าง แต่ยังเดินหน้าสร้างฝ่ายค้านและเตรียมอนาคต
KEY
POINTS
- “ทักษิณ Never Die” แม้รับโทษจำคุกยังคงมีอิทธิพลต่อทิศทางพรรคและการเมืองไทย
- เพื่อไทยในบทบาทฝ่ายค้าน ใช้วิกฤติเป็นโอกาส ซ่อมแซมภายใน เตรียมแคนดิเดตนายกฯ ใหม่
- อนาคตบนภูมิทัศน์ใหม่ พร้อมจับมือพรรคฝ่ายค้านอื่นผลักดันแก้รัฐธรรมนูญและชูบทบาท “ฝ่ายค้านที่พร้อมเป็นรัฐบาล”
“ทักษิณ Never Die เพื่อไทยตายไม่เป็น”
อิทธิพลที่ยังคงอยู่ของนายทักษิณ ชินวัตร
ชื่อของ ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นเงาที่ทอดยาวเหนือการเมืองไทย แม้ผ่านการรัฐประหาร การลี้ภัยยาวนาน 17 ปี และการกลับมารับโทษจำคุกในปี 2566 ทักษิณไม่ได้เป็นเพียงอดีตนายกฯ แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความต่อเนื่องและความหวังของผู้สนับสนุนหลายล้านคน
ทักษิณสร้างรากฐานทางการเมืองมาตั้งแต่สมัยเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ และเมื่อก่อตั้งพรรคไทยรักไทยในปี 2544 ก็ได้ปฏิวัติรูปแบบการเมืองไทยด้วยนโยบายประชานิยมที่ตรงใจประชาชน เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค และกองทุนหมู่บ้าน ความสำเร็จสูงสุดคือการเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ครบวาระ และชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2548
แม้ถูกรัฐประหารปี 2549 และเผชิญคดีความ ทักษิณยังคงปรากฏอยู่ในทุกจังหวะการเมืองไทย การกลับไทยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ซึ่งตรงกับวันโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้จุดกระแสสงสัยถึง “ดีลลับ” ระหว่างขั้วการเมือง แต่ในอีกด้านก็สะท้อนว่าทักษิณยังคงเป็นหมากสำคัญในสมการอำนาจ
แม้ถูกจำกัดเสรีภาพ ทักษิณยังแสดงบทบาททางความคิดและเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทย ผ่านคำขวัญ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ตัวอย่างชัดคือแนวคิด Digital Wallet ที่ถูกหยิบขึ้นมาผลักดันต่อทันทีหลังพ้นโทษ แม้จะถูกต่อต้านและบิดเบือนในรัฐบาลผสม นี่สะท้อนว่าอิทธิพลของทักษิณไม่ได้จบลงที่คำพิพากษา
ความท้าทายของพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร
เมื่อเปลี่ยนจากพรรคร่วมรัฐบาลกลับสู่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งปัญหาภายในและโครงสร้างการเมืองที่ไม่เป็นธรรม
แรงกดดันทางกฎหมายและองค์กรอิสระ
นายกรัฐมนตรีจากสาย “สีแดง” หลายคน ตั้งแต่สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ ไปจนถึงเศรษฐา และล่าสุดแพทองธาร ต่างถูกองค์กรอิสระวินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่งในรูปแบบต่าง ๆ สิ่งนี้สะท้อนว่าโครงสร้างทางการเมืองยังเป็นอุปสรรคต่อพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง
การซ่อมแซมและฟื้นฟูภายใน
นายสุรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค ยอมรับว่า “ทุกวิกฤติคือโอกาส” พรรคใช้เวลาช่วงนี้ทบทวน ปรับระบบ และสกรีนบุคลากรใหม่ โดยเฉพาะการเตรียมแคนดิเดตนายกฯ ที่จะต้องมีความชัดเจนในการสื่อสารกับสังคม และดึงฐานเสียงคนรุ่นใหม่กลับมา
บทบาทของตระกูลชินวัตร
แม้ตระกูลชินวัตรยังเป็นศูนย์รวมใจของผู้สนับสนุน แต่ก็เป็นเป้าโจมตีถาวรจากฝ่ายตรงข้าม แพทองธารยังคงเป็นหัวหน้าพรรค แต่ถูกจับตามองว่าจะสามารถสร้างภาพลักษณ์ผู้นำที่พ้นจากเงาของบิดาได้มากน้อยเพียงใด
การปรับตัวในฐานะฝ่ายค้าน
พรรคเพื่อไทยประกาศชัดว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ โดยใช้ช่องทางอภิปรายมาตรา 151 และ 152 ตรวจสอบรัฐบาลด้วยข้อมูลและความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพื่อล้างแค้น แต่เพื่อรักษาฐานะพรรคใหญ่ที่มีวุฒิภาวะทางการเมือง
ความแตกต่างระหว่างรุ่น
ช่องว่างระหว่างวัยในหมู่ ส.ส. เป็นโจทย์ท้าทาย พรรคต้องสร้างเวทีให้คนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าสามารถทำงานร่วมกันได้ มิฉะนั้นอาจสูญเสียฐานเสียงที่เริ่มโน้มเอียงไปหาพรรคประชาชนหรือก้าวไกลเดิม
อนาคตพรรคเพื่อไทยกับภูมิทัศน์การเมืองใหม่
ภูมิทัศน์การเมืองไทยในปี 2568 ไม่ได้เอื้อให้พรรคใดพรรคหนึ่งครองอำนาจยาวนาน รัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทยถูกมองว่าเป็น รัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้รัฐธรรมนูญและเตรียมการเลือกตั้งใหม่มากกว่าบริหารประเทศอย่างจริงจัง
ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่บังคับให้ทำประชามติ 3 ครั้ง และห้ามให้สภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้งโดยตรง คือความท้าทายใหม่ เพื่อไทยต้องจับมือกับพรรคประชาชนในการหาทางออก เพราะนี่คือหัวใจของการปลดล็อกการเมืองไทย
บทบาทฝ่ายค้านเชิงรุก
เพื่อไทยต้องใช้จุดแข็งของการเป็นฝ่ายค้านใหญ่ สร้างภาพลักษณ์ “ฝ่ายค้านที่พร้อมเป็นรัฐบาล” ด้วยการเสนอนโยบายเศรษฐกิจและปากท้องที่จับต้องได้ ไม่เพียงแต่ตรวจสอบ แต่ยังต้องเสนอทางออกเพื่อรักษาความหวังของประชาชน
ความเป็นไปได้ทางพันธมิตรการเมือง
การเมืองไทยพิสูจน์แล้วว่า “ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร” พรรคเพื่อไทยอาจจับมือกับฝ่ายตรงข้ามในอนาคต หากเป็นไปเพื่อผลักดันประชาธิปไตยและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่เงื่อนไขสำคัญคือความไว้วางใจจากฐานเสียงหลัก
อนาคตของทักษิณและบทบาทเชิงสัญลักษณ์
แม้สถานะทางกฎหมายของทักษิณยังไม่สิ้นสุด แต่บทบาทของเขากำลังเคลื่อนจากผู้กำหนดเกม สู่ “ผู้อาวุโสทางการเมือง” ที่ให้คำแนะนำและกำลังใจ พรรคจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถยืนได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งเพียงบารมีทักษิณ
พรรคเพื่อไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ ระหว่างการเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งกับการเตรียมพร้อมกลับมาเป็นรัฐบาลในอนาคต อดีตนายกฯ ทักษิณยังคงเป็นพลังเชิงสัญลักษณ์ที่ขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจ แต่ความสำเร็จต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับการปรับตัวภายใน การดึงคนรุ่นใหม่ และความสามารถในการนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนจริง ๆ
ในภูมิทัศน์การเมืองที่ไม่แน่นอน พรรคเพื่อไทยยังคงยืนหยัดด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตย และอาจกลับมาเป็นผู้เล่นหลักอีกครั้ง หากสามารถเปลี่ยนวิกฤติที่รุมเร้าในวันนี้ให้เป็นโอกาสในวันพรุ่งนี้ได้


