เปิดภูมิหลัง"ชัชวาล- วีรนันท์" แฉสาวปริศนาทุ่ม 10 ล้านซื้อตัวสส.
สอง สส.คนรุ่นใหม่ "ชัชวาล-วีรนันท์" จากขอนแก่น เปิดโปงกลไกทุจริตในสภา หลังถูกสาวปริศนาเสนอเงิน "10 ล้านบาท" เพื่อแลกกับการโหวต แต่ทั้งคู่ยืนยันปฏิเสธทันที
KEY
POINTS
- การล่อซื้อและดิสเครดิตทางการเมือง: สส.ทั้งสองเชื่อว่าการเสนอเงินสินบนครั้งนี้เป็นการล่อซื้อหรือพยายามทำลายชื่อเสียงทางการเมือง เนื่องจากไม่สามารถระบุที่มาที่ไปของหญิงปริศนาได้อย่างชัดเจน
- การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด: ทั้งนายชัชวาลและนายวีรนันท์ยืนยันว่าได้ปฏิเสธข้อเสนอเงินจำนวนมหาศาลนี้อย่างทันทีและเด็ดขาด แสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่แน่วแน่ในการทำงานเพื่อประชาชนและยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค
- การเปิดเผยกลไกการทุจริต: การออกมาเปิดเผยข้อมูลนี้ต่อสาธารณะเป็นการตอกย้ำถึงการทุจริตที่แฝงตัวอยู่ในกระบวนการนิติบัญญัติ และเป็นการสื่อสารกับประชาชนว่าการเมืองแบบเก่าที่ใช้เงินซื้อเสียงโหวตยังคงดำรงอยู่ ซึ่งสวนทางกับอุดมการณ์ของนักการเมืองรุ่นใหม่
ในวงการเมืองที่เต็มไปด้วยการต่อสู้และอำนาจ สองนักการเมืองรุ่นใหม่จากขอนแก่น ชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง และ วีรนันท์ ฮวดศรี ได้สร้างความสั่นสะเทือนด้วยการออกมาเปิดโปงเรื่องราวที่อาจเรียกได้ว่าเป็นกลไกการทุจริตในสภา
โดยมีหญิงปริศนาคนหนึ่งพยายามใช้เงิน "10 กิโล" หรือ 10 ล้านบาท เพื่อซื้อเสียงโหวต
ไทม์ไลน์การล่อซื้อที่ซับซ้อน
เรื่องราวเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน 2568 เมื่อหญิงปริศนารายนี้ติดต่อ สส. ทั้งสองคน โดยเริ่มต้นจากนายวีรนันท์ในวันที่ 22 มิถุนายน และตามด้วยนายชัชวาลในวันถัดมา การติดต่อเป็นไปอย่างมีระบบ มีการนัดหมายและยื่นข้อเสนอที่ชัดเจน
ข้อเสนอสำหรับนายชัชวาล: เสนอเงิน 10 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด คือ เมื่อตกลงรับข้อเสนอ, เมื่อโหวตให้ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ และเมื่อโหวตให้ร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร
ข้อเสนอสำหรับนายวีรนันท์: หญิงคนดังกล่าวพยายามโน้มน้าวด้วยคำพูดที่ว่า "หาเงินสดจำนวนมากขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้ว" และย้ำว่าการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองในครั้งนี้จะสร้างรายได้มหาศาล
การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
แม้จะมีข้อเสนอที่เย้ายวน แต่นายชัชวาลและนายวีรนันท์ยืนยันว่าได้ ปฏิเสธทันที โดยให้เหตุผลว่าเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อทำลายความเชื่อมั่นที่ได้รับมา การออกมาเปิดเผยเรื่องราวในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การแฉพฤติกรรมทุจริต แต่ยังเป็นการตอกย้ำจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนว่าจะไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเมืองเก่าที่ใช้เงินซื้อเสียง
ทั้งสองเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายาม "ล่อซื้อ" หรือ "ดิสเครดิต" เพื่อทำลายชื่อเสียงโดยเฉพาะเมื่อพบว่ามีสส.รายอื่นก็เผชิญเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน
ภูมิหลังที่หล่อหลอมจุดยืน
กรณีการออกมาเปิดเผยข้อมูลของ2สส.พรรคประชาชนสะท้อนให้เห็นถึงภูมิหลังที่แตกต่างจากนักการเมืองแบบดั้งเดิม
ชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง: จากวิศวกรและนักบริหารธุรกิจ สู่ผู้แทนราษฎรที่ใช้ "ภาษาอีสาน 3 ระดับ" ในการอภิปรายในสภา เพื่อเชื่อมโยงการเมืองระดับชาติเข้ากับประชาชนในท้องถิ่น
วีรนันท์ ฮวดศรี: หรือ "ทนายป๊อก" ผู้มีพื้นฐานเป็นทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ประสบการณ์ที่เห็นความไม่เป็นธรรมในระบบกฎหมายผลักดันให้เขาเข้ามาแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ชัยชนะของทั้งคู่ในการเลือกตั้งปี 2566 ในเขตที่เป็นฐานเสียงเดิมของพรรคใหญ่ แสดงให้เห็นว่าประชาชนพร้อมที่จะเลือกผู้แทนที่มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนและกล้าหาญเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเมืองไทย


