เพื่อไทยแก้เกมรักษาอำนาจนายกฯแพทองธารพ้นคลิปเสียงสนทนาฮุนเซน
เพื่อไทยเร่งวางยุทธศาสตร์ปกป้อง “แพทองธาร” หลังคลิปเสียงสนทนาฮุนเซน ดันภาพผู้นำเสียสละ ย้ำเจตนาปกป้องชาติ-ผนึกกองทัพ
การเมืองร้อนกลางเดือดมิถุนายนปี2568
เสียงโทรศัพท์มือถือจากฝั่งกัมพูชา กลับกลายเป็น “ระเบิดเวลา” ที่ทำเนียบรัฐบาลไทยไม่ทันตั้งตัว
เสียงที่ดังผ่านคลิปยาวกว่า 17 นาทีไม่ใช่แค่การสนทนา…
แต่เป็นความสั่นไหวที่แผ่ขยายจากห้องทำงานนายกฯ แพทองธาร ไปถึงหัวใจของกองทัพ ภาคประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล
“ดิฉันขออภัย… ไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเกิดขึ้น”
เสียงของผู้นำหญิงวัย38 นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สอง จากตระกูลชินวัตร กำลังเผชิญศึกหนักที่สุดในชีวิตทางการเมือง
จุดเดือดเริ่มที่คำว่า “เทคนิคการสื่อสาร”
นายกฯแพทองธาร พูดคุยกับ “สมเด็จฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และปัจจุบันเป็นประธานวุฒิสภา ผ่านโทรศัพท์ส่วนตัว เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา
เจตนาอาจหวังดี
แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นชนวนวิกฤต
เสียงที่หลุดออกมามีประโยคที่ถูกตีความว่า “เอียงข้างฝ่ายตรงข้าม” และ “กล่าวถึงแม่ทัพภาค 2” ในทำนองที่ทำให้คนไทยหลายคนรู้สึกว่า ผู้นำประเทศอาจประเมินผลประโยชน์ของชาติผิดฝั่ง
และเมื่อฮุน เซน ปล่อยคลิปนี้ออกมา – โดยไม่มีการแจ้งเตือน ไม่มีพิธีรีตอง – โลกการทูตก็ถึงคราวสั่นสะเทือน
พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจเร็ว: จะปกป้องหรือจะเปลี่ยน?
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังคลิปถูกเผยแพร่
“ยุทธศาสตร์รักษาเก้าอี้” ของพรรคเพื่อไทยก็เริ่มขยับ
พรรคไม่เลือกทิ้งผู้นำ
- ไม่เสนอการสลับตัวนายกฯ หรือให้ลาออก
- แต่เลือก “ตั้งกำแพงรอบตัวแพทองธาร”
- ประกอบด้วยคำขอโทษแบบรัฐบุรุษ
- การจับมือแน่นกับกองทัพ
- การใช้วาทกรรม “ภัยคุกคามความมั่นคง”
- และการประณามมารยาททางการทูตของกัมพูชา
จุดรวมพลัง: สื่อสารให้สังคมเห็นว่า “เรากับทหารเป็นหนึ่งเดียว”
ภายในวันเดียวกัน ภาพของนายกฯแพทองธารยืนแถลงข่าวกับรัฐมนตรีกลาโหม ผบ.สส. ผบ.ทบ. และหน่วยงานความมั่นคง ถูกเผยแพร่ต่อเนื่อง ราวกับจะบอกว่า
“นี่ไม่ใช่ความขัดแย้งภายใน นี่คือวิกฤตภายนอกที่เราต้องรวมพลัง”
คำพูดของแพทองธารระหว่างแถลงข่าว กลายเป็นกุญแจที่เปิดแผนรับมือ
นายกฯแพทองธารพูดถึงการ “ทำความเข้าใจกับกองทัพ”
ย้ำว่า “ไม่มีใครทำแบบนี้ในโลก” หลังฮุนเซนแพร่คลิปสนทนา
และหันมา “ขอโทษประชาชน” โดยไม่ปฏิเสธว่าเสียงในคลิปคือของจริง
พลิกเกมด้วยการใช้ “ความเป็นเหยื่อ” เป็นอาวุธการเมือง
เมื่อพรรคไม่สามารถปฏิเสธความจริงในคลิป
เพื่อไทยจึงเลือกใช้การสื่อสารแบบ “ผู้ถูกกระทำ”
ถูกอัดคลิปแบบไม่แจ้ง
ถูกบิดเบือนคำพูด
ถูกเข้าใจผิดโดยไม่ตั้งใจ
ในอีกฟากหนึ่ง นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและแกนนำพรรค ออกโรงแถลงทันที
โยนคำว่า “ละเมิดมารยาทการทูต”
บอกว่านายกฯ “ปกป้องชาติ ไม่ยอมเปิดด่านให้กัมพูชา”
และวางน้ำหนักว่า “ฝ่ายกัมพูชาต่างหากที่ต้องการปั่นกระแส”
แล้วเกมนี้จะจบอย่างไร
พรรคเพื่อไทยอาจรอดจากแรงกดดันเฉียบพลัน
แต่หากพรรคฝ่ายค้านหรือมวลชนตั้งคำถามต่อไปว่า
- ทำไมใช้มือถือส่วนตัว?
- ตกลงพูดอะไร?
- ยอมรับแค่ไหน?
แรงกระเพื่อมทางการเมืองก็อาจย้อนกลับมาสั่นคลอนรัฐบาลได้ทุกเมื่อ
ขณะเดียวกัน หากภาพ “นายกฯกลืนเลือด – กองทัพจับมือ – กระทรวงการต่างประเทศยื่นประท้วง” ส่งถึงใจคนไทยส่วนใหญ่ได้ทันก่อนที่เสียงวิจารณ์จะลุกลาม
เพื่อไทย อาจสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็น “จุดเปลี่ยน”
พิสูจน์ว่ายังครองเกมได้
แม้คลิปจะดังแค่ไหน... ก็ยังไม่พอจะโค่นแพทองธารลงจากเก้าอี้
นี่คือ “เกมความเชื่อมั่น” ที่ไม่ได้เล่นแค่ในทำเนียบ... แต่เล่นในใจของประชาชนทั้งประเทศ.
อมรเดช ชูสุวรรณ
บก.ข่าวและคอลัมนิสต์เชี่ยวชาญวิเคราะห์ข่าวประเด็นสังคมร้อนแรง
ด้วยสไตล์เขียนคมชัด ตรงประเด็น และมีมุมมองเฉพาะตัว


