posttoday

"ธุรกิจสายบุญ SME" ต้องเสียภาษีหรือไม่

05 มีนาคม 2568

แม้ธุรกิจสายบุญจะมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือสังคม แต่หากมีรายได้ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายภาษีเช่นเดียวกับธุรกิจทั่วไป ทำความเข้าใจเงื่อนไขภาษี ข้อยกเว้น และแนวทางวางแผนภาษีอย่างถูกต้องเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างมั่นคง

ในปัจจุบันมีธุรกิจแปลกใหม่เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มจากขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) อย่างเช่นธุรกิจแปลกที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง "ธุรกิจสายบุญ" หรือบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้คนในการทำบุญ เช่น การถวายสังฆทาน การจัดส่งพวงหรีด หรือการจัดการพิธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อธุรกิจเริ่มสร้างรายได้ คำถามสำคัญที่มักเกิดขึ้นคือ “ธุรกิจนี้ต้องเสียภาษีหรือไม่?” ซึ่งบทความนี้จะมีคำตอบ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสายบุญ SME เสียก่อนว่าแบบไหนที่ต้องเสียภาษีและแบบไหนที่ไม่ต้องเสียภาษี

โดยมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประเภทภาษีที่ต้องชำระ การยกเว้นภาษี และข้อปฏิบัติที่เจ้าของธุรกิจควรรู้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีความโปร่งใสในสายตาของกรมสรรพากร

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับธุรกิจสายบุญและภาษี

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ธุรกิจสายบุญที่มีรายได้จากการขายสินค้า บริการ หรือกิจกรรมต่างๆ นั้นยังถือเป็น “ธุรกิจ” ที่มีรายได้ ไม่ว่าจะมีวัตถุประสงค์ในการทำบุญหรือเพื่อช่วยเหลือสังคมก็ตาม ดังนั้นธุรกิจสายบุญจึงยังคงอยู่ภายใต้กฎมายและข้อกำหนดด้านภาษีที่ใช้กับธุรกิจทั่วไปในประเทศไทย

ทั้งนี้ตามกฎหมายธุรกิจ SME ต้องเสียภาษีในรูปแบบต่างๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของนิติบุคคลและลักษณะการดำเนินงาน เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งการจัดการกับภาษีในธุรกิจสายบุญจึงต้องให้ความสำคัญกับลักษณะของกิจกรรมและสถานะทางภาษีขององค์กร หรือธุรกิจนั้นๆ และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อให้แน่ใจว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายถูกต้องหรือไม่

เงื่อนไขในการเสียภาษีของธุรกิจสายบุญ SME

ธุรกิจสายบุญที่จัดตั้งในรูปแบบ SME ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี ดังนี้

1.ภาษีเงินได้นิติบุคคล ธุรกิจสายบุญที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี และเสียภาษีจากฐานกำไรสุทธิโดยมีเงื่อนไขดังนี้

- กำไรสุทธิต่อปีไม่เกิน 300,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี

- กำไรสุทธิตั้งแต่ 300,001 – 3,000,000 บาท เสียภาษีในอัตรา 15%

- กำไรสุทธิเกิน 3,000,001 บาท เสียภาษีในอัตรา 20%

2.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากธุรกิจดำเนินการในนามบุคคลธรรมดา เจ้าของธุรกิจจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ภ.ง.ด.90 มาตรา 40(8) และชำระภาษีตามที่กำหนด โดยคำนวณจากรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ ซึ่งมีวิธีการคำนวณภาษีดังนี้

-ให้รวบรวมรายได้ทั้งปีจากทุกแหล่งที่มี

-นำมาหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนครอบครัว ค่าลดหย่อนประกันชีวิต

-คำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า

3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม หากธุรกิจมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเก็บ Vat จากลูกค้าในอัตรา 7% แต่หากรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว ธุรกิจไม่จำเป็นต้องจด Vat

4.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ธุรกิจสายบุญที่จดบริษัททำในนามนิติบุคคล เมื่อมีการจ่ายเงินค่าบริการหรือค่าเช่าให้กับคู่ค้า ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 1% - 5% ตามที่กฎหมายกำหนดก่อนนำส่งกรมสรรพากร และจะถูกนิติบุคคลที่ใช้บริการด้านส่งต่อบุญ หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% ก่อนจ่ายเงินค่าบริการให้กับธุรกิจสายบุญ

ทั้งนี้หากธุรกิจสายบุญที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี เช่น ไม่ยื่นแบบภาษี หรือไม่จ่ายภาษีตามกำหนด อาจถูกลงโทษตามกฎหมาย เช่น การปรับ การเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง หรือการดำเนินคดีอาญา

ข้อยกเว้นและสิทธิประโยชน์ทางภาษี

แม้ธุรกิจสายบุญ SME จะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย แต่มีข้อยกเว้นหรือสิทธิประโยชน์ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร เช่น

- การบริจาคเพื่อการกุศล หากธุรกิจบริจาครายได้ส่วนหนึ่งให้มูลนิธิที่ได้รับการรับรองจากกรมสรรพากร สามารถนำยอดบริจาคนั้นมาหักลดหย่อนภาษีได้ (ในอัตรา 2 เท่าของเงินบริจาคแต่ไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิ)

- การสนับสนุนการศึกษาและสังคม ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการศึกษา สามารถนำมาหักลดหย่อนได้

แนวทางในการจัดการภาษีสำหรับธุรกิจสายบุญ                                                                        

1.จัดการบัญชีอย่างโปร่งใส ธุรกิจสายบุญควรมีระบบบัญชีที่ชัดเจน โดยแยกส่วนรายได้-รายจ่ายจากการทำบุญและการดำเนินธุรกิจทั่วไป

2.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อให้มั่นใจว่าการยื่นภาษีเป็นไปตามกฎหมาย

3.วางแผนภาษี การวางแผนภาษีล่วงหน้าสามารถช่วยให้ธุรกิจลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย  

กล่าวโดยสรุป ธุรกิจสายบุญ SME ที่มีรายได้จากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ต้องเสียภาษีตามกฎหมายเช่นเดียวกับธุรกิจทั่วไป การที่ธุรกิจมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือสังคมหรือทำบุญไม่ได้ยกเว้นความรับผิดชอบด้านภาษี อย่างไรก็ตามธุรกิจสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อลดภาระได้ การปฏิบัติตามข้อกำหนดและวางแผนอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ธุรกิจสายบุญเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคมไทย

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่  Inflow Accounting

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68