ภาษีที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับธุรกิจ SME สายมู
ธุรกิจสายมูเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็น SME ที่มีทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท และสร้างรายได้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเหล่านี้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายภาษี เพื่อให้ดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง
ธุรกิจสายมูเตลู หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ โชคลาง และการเสริมดวง ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ณ 31 กรกฎาคม 2567 ได้เปิดเผยว่า มีนิติบุคคลที่ดำเนินกิจกรรมสายมู หรือโหราศาสตร์และความเชื่อศรัทธา อยู่ที่ 154 ราย ซึ่งเกือบทั้งหมดมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท ถือเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (SME) และสามารถทำรายได้ 227.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 52.92% จากงบปี 2565
ไม่ว่าจะเป็นการขายวัตถุมงคล บริการดูดวง หรือการให้คำปรึกษาเสริมดวง ธุรกิจเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความเชื่อทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นช่องทางที่ช่วยสร้างรายได้และโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการดำเนินธุรกิจ SME สายมู แม้จะดูเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อส่วนบุคคล แต่ในแง่ของการดำเนินธุรกิจและการจัดการภาษี ธุรกิจสายมูก็ไม่ต่างจากธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะมีภาษีที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง ลองมาติดตามอ่านกันได้ดังนี้
ประเภทของธุรกิจสายมู
ธุรกิจสายมู หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางจิตวิญญาณและศาสตร์ลี้ลับ กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน มีหลากหลายประเภทที่ตอบสนองความเชื่อและความสนใจของผู้คนดังนี้
1.ประเภทการขายเครื่องรางของขลังเกี่ยวกับสายมู สินค้าสายมูที่นิยม ได้แก่ พระเครื่อง ตะกรุด ลูกแก้วคริสตัล ปี่เซี้ยะ หินนำโชค จี้มงคล กระจกแปดเหลี่ยม
2.ประเภทบริการสายมู เช่น ให้คำปรึกษาฮวงจุ้ยบ้านและที่ทำงาน สะเดาะเคราะห์ เสริมดวง ไพ่ยิปซี โหราศาสตร์ ดูดวงออนไลน์
3.ประเภทเครื่องประดับเครื่องหอมสายมู เช่น น้ำหอมเสริมดวง เทียนหอม ธูปมงคล เครื่องหอมสำหรับพิธีกรรม อัญมณีมงคล
4.ประเภทคอร์สเรียนสายมู เช่น สอนดูดวง สอนดูเลขศาสตร์ สอนโหราศาสตร์จีน สอนดูไพ่ยิปซี
5.ประเภทเทคโนโลยีสายมู เช่น แอปพลิเคชันดูดวง ตั้งชื่อ ทำนายอนาคต
6.ประเภทการตลาดและที่ปรึกษาสายมู เช่น ที่ปรึกษาการตั้งชื่อธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์เสริมดวง บริการดูฤกษ์ยามเปิดร้าน หรือการออกแบบโลโก้ตามหลักมงคล
7.ประเภทท่องเที่ยวสายมู เช่น ทัวร์ไหว้พระ ทัวร์ทำบุญเสริมดวง
จะเห็นได้ว่าธุรกิจสายมูเน้นการตอบสนองความต้องการด้านจิตใจและความเชื่อของลูกค้าเป็นหลัก หากเจ้าของธุรกิจวางแผนให้เหมาะสมและใส่ใจรายละเอียด สามารถเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงได้
ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสายมู SME
1.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่เก็บจากการขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการผลิตและการจำหน่าย ดังนั้นหากธุรกิจสายมู SME มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7%
2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีที่ธุรกิจ SME ที่สายมู ผู้ประกอบการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลมีข้อได้เปรียบหลายประการเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการที่ไม่จดทะเบียน โดยเฉพาะในด้านกฎหมายและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้อัตราภาษีสำหรับธุรกิจสายมู SME นิติบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทและทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท จะได้ยกเว้นภาษีกำไร 300,000 บาทแรก และเสียภาษีในอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% สำหรับกำไรสุทธิที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท และ 20% สำหรับกำไรสุทธิที่เกิน 3 ล้านบาท
3.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากธุรกิจ SME สายมู ที่ผู้ประกอบการเป็นบุคคลธรรมดา มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งการเสียภาษีจะจัดอยู่เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 (40(8)) สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามความจำเป็นและสมควรได้ และหากมีค่าลดหย่อนอื่นๆ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว คู่สมรส บุตร อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา อุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา เบี้ยประกันชีวิต เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เป็นต้น
ข้อกำหนดสำคัญที่ผู้ประกอบการธุรกิจสายมูควรทราบ
1.บุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจ SME สายมู ที่มีรายได้จากการขายสินค้าไม่ว่าอย่างเดียวหรือหลายอย่าง และมีการซื้อขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย
2.แม้ว่าสินค้าหรือบริการสายมูจะมีความยืดหยุ่นด้านราคา แต่การออกใบเสร็จให้ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งเพื่อความโปร่งใสและเพื่อการบันทึกรายได้สำหรับเสียภาษี
3.ควรเก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายไว้ ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่าย เช่น ค่าโฆษณาออนไลน์ ค่าเดินทาง หรือค่าซื้อวัตถุมงคลต่างๆ มาหักลดหย่อนภาษีได้
กล่าวโดยสรุป ธุรกิจ SME สายมู อาจดูแตกต่างจากธุรกิจทั่วไป แต่ในแง่ของกฎหมายและภาษี ผู้ประกอบการยังคงมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตาม หากผู้ประกอบการสามารถจัดการภาษีไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีบุคคลธรรมดา หรือภาษีนิติบุคล รวมถึงด้านบัญชีและการยื่นภาษีได้อย่างเหมาะสม ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้าและผู้ร่วมธุรกิจอีกด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ Inflow Accounting