posttoday

สายเก็งกำไรระยะสั้นต้องรู้ ลงทุนอะไรดีระหว่าง DW กับสินค้าในตลาด TFEX

14 กรกฎาคม 2567

การเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักลงทุนหลายคนใช้เพื่อการสร้างผลตอบแทนที่รวดเร็ว นักลงทุนมือใหม่บางคนอาจยังเลือกไม่ถูกว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินตัวไหนในการเก็งกำไรดี ระหว่าง DW กับ TFEX

วันนี้หลักทรัพย์บัวหลวงจะพาไปดูความแตกต่างระหว่าง “DW (Derivative Warrants) กับ “ผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX (Thailand Future Exchange)” เพื่อช่วยให้นักลงทุนมือใหม่ที่อยากเก็งกำไรระยะสั้นตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการของตัวเอง

"DW (Derivative Warrants) หรือ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์" เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ให้นักลงทุนมีสิทธิในการซื้อหรือขายหุ้นอ้างอิงในราคาที่กำหนดในอนาคต DW สามารถแบ่งออกเป็น Call DW (สิทธิในการซื้อ) และ Put DW (สิทธิในการขาย)

ข้อดีของ DW 

1. ใช้เงินทุนต่ำ : นักลงทุนสามารถลงทุนใน DW ด้วยเงินทุนที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้นตรง ๆ

2. การใช้อัตราทด : DW มีอัตราทดที่สูง ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้มากกว่าการลงทุนในหุ้นตรง

3. ใช้กลยุทธ์ได้หลากหลาย : นักลงทุนสามารถใช้ DW เพื่อเก็งกำไรทั้งขาขึ้นและขาลงของหุ้น

4. สามารถซื้อขายได้ง่าย:นักลงทุนสามารถซื้อหุ้น DW ได้ในแอป Streaming เหมือนหุ้นปกติ

     ข้อสังเกตของ DW

     1. ความเสี่ยงสูง: การใช้ Leverage ทำให้ DW มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนอาจขาดทุนมากหากทิศทางตลาดไม่เป็นไปตามคาด

     2. มีอายุจำกัด: DW มีอายุจำกัดและเหมาะกับการเทรดระยะสั้น นักลงทุนต้องบริหารเวลาในการลงทุนให้ดี 

     3. ผลกระทบจากค่าเสื่อมเวลา (Time Decay): DW มีลักษณะค่าเสื่อมเวลาซึ่งทำให้มูลค่าของ DW ลดลงตามเวลาที่ผ่านไป

     ตัวอย่าง หากนักลงทุนที่คาดว่าราคาหุ้น A จะเพิ่มขึ้น นักลงทุนสามารถซื้อ Call DW ของหุ้น A เพื่อทำกำไรจากการขึ้นของหุ้น ถ้าราคาหุ้น A เพิ่มขึ้น นักลงทุนจะได้กำไรจากการขาย DW มากกว่าการที่นักลงทุนไปซื้อหุ้นเนื่องจากผลของอัตราทด แต่หากราคาหุ้น A ลดลง นักลงทุนจะขาดทุนมากกว่าจากค่าเสื่อมเวลาและการอัตราทด DW ซึ่งการที่เราจะซื้อหรือลงทุนในผลิตภัณฑ์ DW ไม่เพียงแค่ศึกษารายละเอียดในการดูอัตราทดและค่าเสื่อมเวลาเท่านั้น ยังมีค่า Sensitivity ที่ยังคงต้องคำนึงด้วย

     "TFEX (Thailand Futures Exchange)" เป็นตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมาย เช่น Index Futures, Stock Futures, Gold Futures และ Currency Futures

     การลงทุนในผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX ส่วนใหญ่จะมีความเสี่ยงสูง แต่สามารถให้ผลตอบแทนที่มากหากมีการวิเคราะห์ตลาดและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม

     ข้อดีของผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX

     1. สภาพคล่องสูง: บางสินค้าที่สภาพคล่องสูง เช่น SET50 GOLD USD มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง และมี Market Maker คอยรักษาสภาพคล่อง ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าออกตลาดได้ง่าย

     2. มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์: นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนเป็นสินทรัพย์อ้างอิง เพื่อเก็งกำไร หรือ ป้องกันความเสี่ยง เช่น ดัชนีหุ้น ทองคำ หรืออัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง

     3. การใช้ Leverage: วางเงินหลักประกันน้อยกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงจริง ช่วยเพิ่มอำนาจในการซื้อ

     ข้อสังเกตของผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX

     1. ความซับซ้อน: การซื้อขายใน TFEX ต้องการความเข้าใจในเรื่องของสัญญาฟิวเจอร์สและกลไกการทำงานของตลาดล่วงหน้า เพื่อทำความเข้าใจก่อนจะทำการเทรด

     2. ความเสี่ยงสูง: เนื่องจากเป็นสินค้าที่มี Leverage วางเงินหลักประกันน้อยกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงจริง

     3. มีอายุจำกัด: TFEX มีอายุจำกัด

     ตัวอย่าง นักลงทุนที่เชื่อว่าดัชนี SET50 จะเพิ่มขึ้น สามารถเปิด Long SET50 Index Futures เพื่อทำกำไรจากการขึ้นของดัชนี ถ้าดัชนีขึ้นจริง นักลงทุนจะได้กำไร แต่หากดัชนีลดลง นักลงทุนนั้นจะขาดทุน

     การเลือก DW หรือผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX ขึ้นอยู่กับเงินเริ่มต้นของผู้ลงทุน กรณีวางหลักประกัน และเติมเงิน Margin ได้สามารถใช้ TFEX  กรณีมีเงินเริ่มต้นจำกัด และรับความเสี่ยงด้านขาดทุนวงเงินจำกัดสามารถใช้ DW ได้

 

สรุปความแตกต่างระหว่าง DW กับผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX

สายเก็งกำไรระยะสั้นต้องรู้ ลงทุนอะไรดีระหว่าง DW กับสินค้าในตลาด TFEX
     

     ทั้งนี้นักลงทุนที่เป็นมือใหม่หัดเล่นหุ้นและต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นหรือเพิ่งรู้จักผลิตภัณฑ์ DW ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งสองประเภทอย่างละเอียด เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

ข่าวล่าสุด

ศาลนัดกำหนดวันนัดสืบพยาน "คดีตึกสตง.ถล่ม" ใหม่! โจทก์ร่วมหวั่นไม่รอบคอบ